แต่ได้ยกเลิกการเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หรือ ตัวแทนนายกรัฐมนตรี เช่น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง หรือ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เข้าร่วมการประชุม และรับมอบสมุดปกขาวข้อเสนอจากการระดมความคิดเห็นในการประชุมหอการค้าทั้งประเทศ วันที่ 24 พ.ย.นี้ เพราะต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความรุนแรงทางการเมืองขณะนี้ และต้องการย้ำจุดยืนของหอการค้าไทยที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมือง โดยจะนำสมุดปกขาวมาสนอในเวทีประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.)แทน
ส่วนเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองนั้น หอการค้าไทยเห็นว่าควรจะหาทางยุติปัญหาโดยเร็ว โดยให้รัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน แกนนำผู้ชุมนุม และภาคประชาชนกลุ่มต่างๆ ได้มีการเจรจาพูดคุยกันเพื่อหาทางออกของประเทศต่อไป เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถร่วมมือกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป
ขณะที่ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทที่ได้ผ่านพิจารณาจากวุฒิสภาวาระ 3 นั้น เห็นด้วยในหลักการเรื่องของการลงทุน แต่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญโครงการที่มีความคุ้มค่าในการลงทุนเป็นอันดับแรก และลงทุนในโครงสร้างที่จำเป็นเช่น การสร้างรถไฟรางคู่ เป็นต้น พร้อมทั้งควรเคร่งครัดในการรักษาวินัยทางการเงินด้วย อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าห่วงการปฏิบัติในเรื่องของความโปร่งใสและการตรวจสอบได้
สำหรับสถานการณ์การส่งออกไทย นายอิสระ กล่าวว่า ปีนี้หอการค้าไทยประเมินการส่งออกขยายตัวในระดับ 1% หรืออาจไม่โตจากปีก่อน ส่วนหนึ่งมาจากการส่งออกกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารลดลง โดยเฉพาะกุ้งที่เกิดโรคระบาดส่งผลให้ยอดส่งออกจากปกติปีละ 100,000 ล้านบาทในปีนี้จะลดลงถึง 40% รวมถึงการส่งออกปลาหมึกที่มีปัญหาเรื่องของแรงงานขาดแคลน แต่ในปี 57 เชื่อว่าการส่งออกไทยน่าจะขยายตัวในระดับ 5% เพราะเศรษฐกิจหลายประเทศอยู่ในระดับที่ดีขึ้น
ด้านนายนิวัฒน์ธำรง ยอมรับว่า หอการค้าไทยได้โทรศัพท์แจ้งมาขอยกเลิกการเชิญให้เข้าร่วมงานสัมมนาแล้ว เพื่อต้องการหลีกเลี่ยงความวุ่นวาย เพราะพบว่าแกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.)จ.ตรังประกาศจะไม่ยอมให้รัฐมนตรีและนักการเมืองพรรคเพื่อไทยเดินทางมาร่วมประชุมหอการค้าทั่วประเทศ โดยจะนัดรวมมวลชนเป่านกหวีดขับไล่ที่สนามบิน จ.ตรัง และสถานที่จัดงาน