ส่วนกรณีที่เม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยน้อยกว่าตลาดหุ้นเกิดใหม่อื่นๆ นั้น ก็ไม่มีความน่ากังวล ประกอบกับ ประเทศไทยมีดุลการค้าและดุลบัญชีเกิดสะพัดที่สมดุล หรือ เกินดุลประมาณ 1% ของจีดีพี และมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูงถึง 190,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่าหนี้ระยะสั้นถึง 3.5 เท่า จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มเงินลงทุนสกุลต่างประเทศ และไม่มีปัญหาขาดแคลนเงินทุนต่างชาติ
นายกิตติรัตน์ กล่าวอีกว่า การไหลเข้าของเงินทุนนั้นก็ไม่น่ากังวล แต่หากมีเงินไหลเข้ามากเกินไปอาจเกิดผลเสีย แต่ก็เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)มีมาตรการดูแลได้ดี ซึ่งประเทศไทยไม่ได้ปฎิเสธเงินต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทย และไม่กังวลหากเงินทุนต่างชาติจะไหลออก เพราะเงินเก็งกำไรหรือเงินร้อน(HOT MONEY)ที่เข้ามาในช่วงก่อนหน้านี้ยังไหลออกไปไม่หมด หากต่างชาติจะดึงเงินเหล่านี้กลับไปบ้างก็ไม่มีปัญหา และไม่จำเป็นที่ต้องออกมาตรการพิเศษมาดูแล เพราะฐานะการเงินการคลังของประเทศแข็งแกร่งเพียงพอ
ทั้งนี้ รัฐบาลกำลังศึกษาการออกพันธบัตรในรูปเงินสดุลดอลลาร์สหรัฐ หรือดอลลาร์บอนด์ ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการระดมทุนก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานตามพ.ร.บ. เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท และ พ.ร.ก.บริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งไม่ใช่เรื่องเสียหาย หากจะทำการศึกษาไว้ล่วงหน้า แม้ว่าการระดมทุนหลักจะมาจากเงินกู้ในประเทศก็ตาม