ทั้งนี้ ส่งผลให้การอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาประกอบธุรกิจในไทยช่วง 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) ปี 56 รวม 365 ราย เพิ่มขึ้น 21% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีเงินลงทุน 17,826 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
สำหรับธุรกิจที่ได้รับการอนุญาตในเดือนพ.ย.56 ได้แก่ ธุรกิจบริการ 22 ราย มีเงินลงทุน 2,033 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบริการให้แก่บริษัทในเครือ/ในกลุ่มเกี่ยวกับการให้กู้ยืมเงิน ให้เช่าพื้นที่อาคาร บริการทางบัญชี และรับจ้าง ผลิตสินค้า เป็นต้น โดยประเทศที่ได้รับอนุญาตได้แก่ จีน ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร ไต้หวัน เกาหลีใต้ เยอรมนี และสิงคโปร์
นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจสำนักงานผู้แทน 7 ราย มีเงินลงทุน 21 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการรายงานความเคลื่อนไหวทางธุรกิจเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจ การผลิต การตลาด การลงทุน ตลอดจนความต้องการใช้สินค้าและบริการต่างๆ ในไทยให้สำนักงานใหญ่ทราบ รองลงมาเป็นการให้คำแนะนำในด้านต่างๆ เกี่ยวกับสินค้าของสำนักงานใหญ่ที่จำหน่ายให้แก่ตัวแทนจำหน่ายหรือผู้ใช้สินค้าในประเทศไทย ประเทศที่ได้รับอนุญาต ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น สวีเดน เยอรมนี และเวียดนาม
รวมถึงธุรกิจที่เป็นคู่สัญญากับภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ 3 ราย มีเงินลงทุน 155 ล้านบาท เช่น บริการทางวิศวกรรม ออกแบบ จัดหา ก่อสร้าง ติดตั้งและทดสอบเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับโครงการผลิตไฟฟ้าจากลมร้อนทิ้ง ให้แก่ บมจ.ปตท.(PTT) และบริการด้านวิศวกรรม จัดหาวัสดุและอุปกรณ์ ก่อสร้างและติดตั้งแท่นขุดเจาะน้ำมันให้แก่ บมจ.ปตท.สผ. เป็นต้น โดยประเทศที่ได้รับอนุญาต ได้แก่ อิตาลี ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ และธุรกิจค้าส่ง 3 ราย มีเงินลงทุน 18 ล้านบาท เช่น การค้าส่งผ้า พรม หนังแท้ หนังเทียม พลาสติก สำหรับใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตชิ้นส่วนภายในรถยนต์ให้แก่ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ เป็นต้น ประเทศที่ได้รับอนุญาต ได้แก่ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้