นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย และผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมว่า หากชุมนุมโดยสงบ ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง สถานการณ์เช่นนี้จะไม่กระทบเศรษฐกิจรุนแรง หรือทำให้เศรษฐกิจเสียหายไม่เกิน 50,000 ล้านบาท
"การชุมนุมขณะนี้ ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ศูนย์ฯประเมินว่ายังชุมนุมโดยสงบ กลุ่มผู้ชุมนุมยังยึดมั่นในการไม่ใช้ความรุนแรง และเน้นการแสดงออกที่ถูกต้องตามกฎหมายภายใต้ความสงบ ขณะที่รัฐบาลก็ยืนยันที่จะไม่ใช้ความรุนแรงเช่นกัน ดังนั้น สถานการณ์เช่นนี้จะไม่กระทบเศรษฐกิจรุนแรง" นายธนวรรธน์ กล่าว
ด้านนายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า การเดินขบวนไปตามสถานที่ต่างๆ แบบดาวกระจายของกลุ่มประชาชนที่ต่อต้านรัฐบาล ถือเป็นยุทธวิธีอีกรูปแบบหนึ่ง ต้องดูว่าจะบานปลายมากน้อยเพียงใด ถ้ามีการบุกเข้าไปยึดสถานที่ราชการ จะทำให้มีความเสี่ยงสูง ซึ่งต้องดูว่ารัฐบาลจะใช้มาตรการอย่างไรแก้ไขปัญหา
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทางการเมืองของไทยที่ยืดเยื้อมากขึ้นนี้ ทำให้ลูกค้าต่างประเทศเป็นกังวล และสอบถามสถานการณ์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพราะเกรงว่าอาจทำให้ผู้ค้าผู้ส่งออกของไทยไม่สามารถส่งสินค้าให้ได้ตามกำหนด ซึ่งตนเป็นห่วงท่าเรือ สนามบิน และระบบขนส่งต่างๆ หากมีการปิดล้อมจะกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่
"ปัญหาการเมืองขณะนี้ รัฐบาลต้องหาทางที่ดีสุด ทางเลือกตอนนี้มีแค่ 2 ทาง คือ นายกรัฐมนตรีลาออกและปรับรัฐบาลใหม่ หรือยุบสภา แต่การลาออกจะมีผลน้อย ม็อบยังไม่เลิกราแน่ แต่ถ้ายุบสภา อาจทำให้ม็อบมีโอกาสเลิกสักพักหนึ่ง และถ้าเลือกตั้งใหม่ พรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลอีก ก็คงต้องหารือกับกลุ่มต่อต้านว่าจะหาทางออกอย่างไร ระบบไหน ระบอบไหน หรือนโยบายไหนที่คนไม่เอา เพราะเห็นว่าเป็นของไม่ดี ก็ไม่ต้องเอามาใช้ ไม่งั้นก็ไม่จบ"นายพรศิลป์ กล่าว