เงินบาทปิด 31.98/32.00 แข็งค่าเล็กน้อย แต่แนวโน้มยังอ่อนค่า

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 26, 2013 17:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 31.98/32.00 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.03/05 บาท/ดอลลาร์

โดยระหว่างวันเงินบาทอ่อนค่าสุดที่ระดับ 32.08/10 บาท/ดอลลาร์ ทิศทางวันพรุ่งนี้คาดว่าจะใกล้เคียงกันกับวันนี้ มีโอกาสขึ้นไปที่ 32.10 บาท/ดอลลาร์ ต้องติดตามประเด็นการชุมนุมทางการเมืองภายในประเทศเป็นปัจจัยสำคัญ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.95-32.10 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • ปิดตลาดเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 101.30 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 101.53 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3555 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.3537 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,358.69 เพิ่มขึ้น 5.83 จุด (+0.43%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 50,172 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 9,312.74 ลบ.(SET+MAI)
  • ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า หากสถานการณ์การเมืองในประเทศยืดเยื้อ อาจจะส่งผลให้ประเทศคู่ค้าหันไปทำการค้ากับประเทศอื่นๆ แทน ซึ่งอาจจะกระทบต่อการส่งออกไทยปี 56 ที่อาจจะไม่ขยายตัวจากปีก่อนหรืออาจจะขยายตัวในอัตราที่ติดลบได้ ส่วนในปี 57 ที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่าการส่งออกจะขยายตัวได้ราว 5%
  • การชุมนุมทางการเมืองยังคงเป็นไปอย่างเข้มข้น ซึ่งวันนี้กลุ่มผู้ชุมนุมที่คัดค้านระบอบทักษิณได้เดินทางไปปิดล้อมกระทรวงมหาดไทย และยืนยันจะปักหลักชุมนุมอย่างน้อย 1-2 คืน หลังจากนำกลุ่มเข้ายึด 3 กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยว

ขณะที่ผู้ชุมนุมอีกส่วนยังปักหลักอยู่ที่สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง เพื่อรอการประกาศเคลื่อนไหวใหญ่พร้อมกันทั่วประเทศอีกครั้งในวันพรุ่งนี้(27 พ.ย.) ขณะที่ผู้ชุมนุมเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.) ที่เข้ายึดกระทรวงการต่างประเทศไว้เมื่อคืนนี้ ได้ถอนมวลชนกลับมายังที่ตั้งเดิมแล้ว

  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระบุว่า หากผู้ชุมนุมบุกรุกสถานที่ราชการเกิน 1-2 สัปดาห์จะส่งผลกระทบต่อการเบิกจ่ายภาครัฐในช่วงที่เหลือของปี ไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ ซึ่งจะส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือ GDP ในไตรมาส 4 โตน้อยกว่าไตรมาส 3 แต่ยังไม่ถึงขั้นติดลบ และทำห้ GDP ทั้งปีขยายตัวต่ำกว่าที่ร้อยละ 3 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 3.7

ดังนั้น ในเดือนหน้า สศค.เตรียมปรับประมาณ GDP ปีนี้ใหม่ โดยจะติดตามการปิดสำนักงบประมาณว่าจะยืดเยื้อและรุนแรง จนกระทบต่อความเชื่อมั่นและการลงทุนมากน้อยแค่ไหน รวมทั้งการท่องเที่ยวที่เริ่มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ซึ่งการท่องเที่ยวถือเป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี รวมทั้งยังต้องติดตามการฟื้นตัวการส่งออกไตรมาส 4 อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า หากการชุมนุมไม่ยืดเยื้อรุนแรงก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมนัก

  • กระทรวงต่างประเทศของจีน เรียกร้องให้ทุกฝ่ายในประเทศไทยร่วมมือกันรักษาเสถียรภาพของประเทศและหันหน้ามาเจรจากัน โดยจีนรู้สึกกังวลกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย และหวังว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะคำนึงถึงประโยชน์ของชาติเป็นอันดับแรก และแก้ปัญหาเรื่องความคิดเห็นที่แตกต่างกันผ่านการปรึกษาหารือและการเจรจา เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ความไม่สงบลุกลามไปมากกว่านี้
  • ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวว่า จีนกำลังพิจารณาขั้นตอนต่อไปในการผลักดันการปฏิรูปอัตราดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิรูปอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ทั้งนี้ธนาคารกลางจีนได้ยกเลิกเพดานอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำสำหรับเงินกู้ธนาคารในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ยังคงคงเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไว้เช่นเดิม
  • ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดแทบไม่เปลี่ยนแปลงวันนี้ โดยดัชนี Stoxx Europe 600 อ่อนตัว 0.2% แตะ 323.56 เมื่อเวลา 08.05 น.ตามเวลาลอนดอน ก่อนหน้าที่จะมีการเปิดเผยข้อมูลราคาบ้านและความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่มีการคาดการณ์ว่าจะปรับตัวสูงขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ