"คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่คาดไว้เดิม และมีความเสี่ยงสูงขึ้นกว่าการประชุมครั้งก่อน ภายใต้แรงกดดันด้านราคาที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่สินเชื่อภาคครัวเรือนมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงบ้างแล้ว นโยบายการเงินจึงสามารถผ่อนคลายเพิ่มเติมเพื่อลดความเสี่ยง และสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ"นายไพบูลย์ กล่าว
สำหรับกรรมการ 1 เสียงที่เห็นสมควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.50 ต่อปี เนื่องจากเห็นว่านโยบายการเงินปัจจุบันยังผ่อนปรนเหมาะสมอยู่
ทั้งนี้ ที่ประชุม กนง.พิจารณาภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมทั้งแนวโน้มในระยะต่อไป เพื่อกำหนดนโยบายการเงินที่เหมาะสม มีความเห็นว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศหลัก โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ปรับดีขึ้น แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูงจากนโยบายการเงินและการคลังของสหรัฐฯ ทำให้ภาวะตลาดการเงินโลกยังมีความผันผวน สำหรับเศรษฐกิจจีนขยายตัวได้ดีในทุกภาคเศรษฐกิจ ขณะที่เศรษฐกิจภูมิภาคโดยรวมยังคงขยายตัวได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยการส่งออกของประเทศในกลุ่มเอเชียเหนือฟื้นตัวตามเศรษฐกิจประเทศหลักและจีนเร็วกว่ากลุ่มอาเซียนโดยรวม
ขณะที่เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/56 ขยายตัวต่ำกว่าที่คาด จากการใช้จ่ายภายในประเทศทั้งภาครัฐและเอกชน ด้านการส่งออกยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน ในระยะต่อไป เศรษฐกิจมีความเสี่ยงมากขึ้นจากความล่าช้าในการลงทุนของภาครัฐ ความเชื่อมั่นภาคเอกชนที่อาจเปราะบางยิ่งขึ้นจากความไม่สงบทางการเมือง และการส่งออกที่อาจไม่ได้รับประโยชน์เต็มที่จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แรงกดดันด้านราคายังคงอยู่ในระดับต่ำ สินเชื่อภาคเอกชนขยายตัวชะลอลงสอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจ