นายบวร วงศ์สินอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล(PTTGC)ยอมรับว่า การชุมนุมทางการเมืองทำให้การดำเนินธุรกิจสะดุด ลูกค้าไม่สะดวกในการเดินทางเข้ามาติดต่อธุรกิจ ถึงแม้ว่าการทำงานขณะนี้จะมีสถานที่ทำงานสำรองก็ตาม
อย่างไรก็ดี จากการประเมินสถานการณ์พบว่าผลกระทบยังไม่รุนแรง และยังอยู่ในขอบข่ายของแผนปฏิบัติการความต่อเนื่องทางธุรกิจ(BCM)ขั้นต้นระยะ 5-7 วันเท่านั้น แต่หากการชุมนุมยืดเยื้ออาจต้องใช้แผนที่ 2 เข้ามาดูแล เช่น การจัดหาที่ทำงานสำรองเพิ่มเติม หรือไปทำงานที่ระยอง เฉพาะหน่วยส่วนที่มีความสำคัญในการติดต่อบุคคลภายนอก เช่น ฝ่ายการขาย ฝ่ายการเงิน ซึ่งอาจทำให้พนักงานไม่สะดวก
นายบวร กล่าวว่า ผลกระทบทางการเมืองในขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ทั้งหมด แต่ที่เริ่มเห็นคือการใช้น้ำมันเริ่มลดลง และจะมีผลกระทบต่อโรงกลั่นน้ำมัน แต่ยังเชื่อว่ารายได้ยอดขายจะใกล้เคียงกับเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ และยังมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกจากราคาน้ำมันเอเชียที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องไปยังกลุ่มปิโตรเคมี เช่น โอเลฟินส์, อะโรเมติกส์, เบนซีน, พาราไซลีน
ทั้งนี้ ปกติ PTTGC จะให้น้ำหนักกับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก แต่ในขณะนี้ได้เริ่มนำการเมืองมาประเมินผลร่วม และอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจในปี 2557 ได้หากการเมืองมีปัญหายืดเยื้อ ซึ่งจะต้องติดตามสถานการณ์โดยตลอด
สำหรับธุรกิจการกลั่นนั้น พบว่า ค่าการกลั่นในส่วนของน้ำมันเครื่องบิน และดีเซลยังอยู่ในระดับที่ดี แต่กลุ่มเบนซินไม่ดีนัก เพราะส่วนต่างกับน้ำมันดิบมีจำนวนน้อย ส่งผลให้ค่าการกลั่นปี 56 ไม่ดีเท่ากับปี 55 อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะกลั่นกลุ่มดีเซลเป็นหลัก โดยในปี 57 คาดว่าแนวโน้มค่าการกลั่นก็ยังคงอยู่ในเกณฑ์ต่ำ
ผลประกอบการของ PTTGC ในปี 55 มีรายได้ 5.6 แสนล้านบาท กำไร 3.4 หมื่นล้านบาท ส่วนช่วง 3 ไตรมาสปี 56 มีรายได้รวมแล้ว 3.95 แสนล้านบาท และกำไร 2.59 หมื่นล้านบาท