"สถานการณ์ทางการเมืองที่มีความวุ่นวายในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งปกติแล้วจะเป็นช่วงสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจเติบโต จะเห็นได้จากในปี 55 ที่ผ่านมา 3 ไตรมาส GDP เติบโตเพียง 3% แต่หลังจากจบไตรมาส 4 แล้ว GDP เติบโตได้ถึง 6% แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของไตรมาส 4 ว่าเป็นช่วงที่มีบรรยากาศที่ดีต่อการท่องเที่ยว ส่งผลให้มีการจับจ่ายใช้สอยค่อนข้างมาก"นายกิตติรัตน์ กล่าว
ส่วนในปี 57 คาดว่า GDP ของไทยอาจจะเติบโตได้ราว 4% จากที่งบประมาณรายจ่ายในด้านต่างๆ เริ่มมีการเบิกจ่ายไปแล้วในช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ประกอบกับโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทที่ล่าช้าไปจากปีนี้ แต่จะสามารถเริ่มเบิกจ่ายได้ในปี 57 ขณะเดียวกันก็ได้มีการเตรียมการต่างๆ ไว้รองรับการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทไว้แล้ว หากสามารถผ่านขั้นตอนต่างๆ ไปได้ก็พร้อมที่จะลงทุนในทันที จะส่งผลให้ประเทศมีการเติบโตได้ตั้งแต่เริ่มมีการเริ่มต้นโครงการ และหลังจากที่มีการลงทุนเสร็จสิ้นแล้ว จะส่งผลให้ประเทศมีประสิทธิภาพทางการขนส่งมากขึ้นก็จะทำให้ประเทศมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า เงินบาทที่มีการปรับตัวอ่อนค่าลงไปอยู่ที่ประมาณ 32 บาท/ดอลลาร์ จากที่เคยมีการเข็งค่าขึ้นไปกว่า 28 บาท/ดอลลาร์ มองว่าอัตราแลกเปลี่ยนในระดับปัจจุบันเป็นระดับที่มีความเหมาะสม ทำให้ผู้ส่งออกสามารถแข่งขันได้ ซึ่งควรจะดูแลให้อยู่ในระดับดังกล่าวต่อไปเพื่อให้การส่งออกในช่วงที่เหลือของปีปรับตัวดีขึ้น ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% เมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา ถือว่าล่าช้ากว่าที่เคยแนะนำไว้หรือไม่ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า การที่ กนง.ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25 % ถือเป็นเรื่องที่ดี มาช้าก็ดีกว่าไม่มา นโยบายดอกเบี้ยที่เหมาะสมต่อจากนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้ดูแลนโยบาย ไม่อยากที่จะชี้นำหรือไม่อยากที่จะไปแสดงความเห็น
สำหรับตลาดทุนปัจจุบันที่นักลงทุนต่างชาติมีการขายออกไปค่อนข้างมากนั้น เป็นผลกระทบมาจากการเมือง ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นใหม่ ส่วนตัวมองว่าเป็นโอกาสที่ดี สำหรับนักลงทุนที่มีความเข้าใจภาพรวมของประเทศไทยเป็นอย่างดีที่จะเข้ามาลงทุนเพิ่ม อย่างไรก็ตาม มองว่าหากนักลงทุนต่างชาติมีความสบายใจต่อเหตุการณ์ทางการเมืองก็มีโอกาสที่จะกลับเข้ามาซื้อ ซึ่งจุดที่ต่างชาติจะเริ่มมีความสบายใจนั้นคือการที่ผู้ชุมนุมออกมาจากสถานที่ราชการ
"ความผันผวนในตลาดหุ้นปัจจุบันเป็นเรื่องปกติที่ได้รับผลกระทบจากทางด้านการเมืองที่เกิดขึ้น และต่าชาติมีการขายออกไป เพราะตลาดหุ้นรู้สึกไม่สบายใจ แต่สำหรับนักลงทุนที่มีความเข้าใจประเทศไทยเป็นอย่างดี ก็มองว่าเป็นช่วงที่เหมาะสมที่จะเข้าลงทุนเพิ่ม และนักลงทุนต่างชาติมีโอกาสที่จะกลับเข้ามาลงทุนหลังจากที่สบายใจขึ้น ซึ่งจุดที่ต่างชาติจะสบายในก็น่าจะเป็นการที่ผู้ชุมนุมเลิกยึดสถานที่ราชการ" นายกิตติรัตน์ กล่าว