ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม อยู่ที่ 65.0, ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำ อยู่ที่ 68.2 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 91.8 โดยดัชนีความเชื่อมั่นทุกรายการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8
สำหรับปัจจัยลบสำคัญที่ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนพ.ย.นี้ปรับลดลง คือ ความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ, สภาพัฒน์ปรับลด GDP ปี 56 ลงเหลือ 3% จากเดิม 3.8-4.3%, ธนาคารแห่งประเทศไทย ปรับลด GDP ในปีนี้ลงเหลือ 3% จากเดิม 3.7%, เงินบาทปรับอ่อนค่า, ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมันเบนซิน 95 ที่ปรับสูงขึ้นเฉลี่ย 1 บาท/ลิตร
การส่งออกของไทยในเดือน ต.ค.ปรับตัวลดลง 0.67% ขณะที่การนำเข้า ลดลง 5.37%, ความกังวลต่อภาวะราคาพืชผลทางการเกษตรที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะยางพารา และปาล์มน้ำมัน, ผู้บริโภคยังมีความกังวลต่อภาวะค่าครองชีพ และราคาสินค้าที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง, ความรู้สึกของประชาชนที่ว่ารายได้ในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพที่ได้รับ และความกังวลจากความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ที่อาจกระทบต่อทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในอนาคต