โดยในส่วนการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาล ทั้งการขายแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) การเปิดประมูลเป็นการทั่วไป และการเปิดประมูลผ่านตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย(เอเฟท) นั้น หากเป็นการขายก่อนหน้าการยุบสภาและทำสัญญาไปแล้วก็ยังต้องมีการส่งมอบ และรับมอบข้าวตามสัญญา ส่วนการจะขายครั้งใหม่และตนเองต้องเป็นผู้ลงนามอนุมัติการขายนั้นจำเป็นต้องสอบถามที่ปรึกษากฎหมายก่อนว่าดำเนินการได้หรือไม่
"การขายข้าวสต๊อกรัฐบาลในสมัยผมโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ผมมามือเปล่า กลับมือเปล่า ส่วนงานที่อยากฝากรัฐบาลใหม่คือ การดูแลราคาสินค้าเกษตรให้อยู่ในระดับเหมาะสม และสามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ และการดูแลค่าครองชีพ" นายนิวัฒน์ธำรง กล่าว
สำหรับการประชุม กขช.ครั้งนี้ ที่ประชุมฯ เห็นชอบในหลักการขายข้าวที่ได้จากโครงการรับจำนำ ข้าวปี 56/57 ผ่านเอเฟท จากเดิมที่อนุมัติระบายเฉพาะข้าวสารจากโครงการับจำนำปี 55/56 ปริมาณ 5 แสน-1 ล้านตัน ส่วนปัญหาการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรล่าช้านั้น เพราะติดขัดในขั้นตอนของการขึ้นทะเบียนเกษตรกร และการเตรียมพร้อมโรงสีเพื่อเปิดจุดรับจำนำ ยืนยันว่างบประมาณรับจำนำข้าวรอบแรกที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติไว้ 270,000 ล้านบาท ยังเป็นไปตามกรอบเดิม ส่วนโครงการรับจำนำข้าวปี 56/57 (รอบ 2 หรือข้าวนาปรัง) ต้องรอรัฐบาลชุดใหม่อนุมัติก่อน
ส่วนโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังปี 56/57 กระทรวงพาณิชย์จะเสนอให้ที่ประชุม ครม.เร็วๆ นี้ พิจารณาอนุมัติมาตรการช่วยเหลือนั้นคงต้องเลื่อนออกไปก่อน เพราะ ครม.รักษาการไม่สามารถอนุมัติงบประมาณใดๆ ได้อีกแล้ว แต่กระทรวงพาณิชย์จะหารือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ว่ารัฐบาลรักษาการจะสามารถอนุมัติเงินช่วยเหลือได้หรือไม่