ส่งผลทำให้ช่วง 11 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-พ.ย.) มียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 64,396 ราย เพิ่มขึ้น 5,091 ราย หรือเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนสถิติทั้งปีคาดว่าจะมียอดจดทะเบียนราว 65,000 ราย จากปีก่อนที่มียอดจด 63,000 ราย แต่ต่ำกว่าเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งจะมียอดจดเพิ่ม 70,000 ราย
สำหรับสาเหตุที่ทำให้การจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลในเดือนพ.ย.56 ลดลง เป็นเพราะสถานการณ์ทางการเมือง ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการลงทุนทำธุรกิจของผู้ประกอบการ นอกจากนี้ การจดทะเบียนผู้ค้าสลากที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เข้มงวดมาตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.56 ที่ผู้จดทะเบียนต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน และทะเบียนบ้านตัวจริง ทำให้การจดทะเบียนลดลง
ส่วนการจดทะเบียนเลิกนิติบุคคลในเดือนพ.ย.56 มีจำนวน 1,783 ราย เมื่อเทียบกับเดือนต.ค.56 เพิ่มขึ้น 202 ราย หรือเพิ่มขึ้น 13% และเมื่อเทียบกับเดือนพ.ย.55 เพิ่มขึ้น 23 ราย หรือเพิ่มขึ้น 1% สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการไม่ประกอบกิจการ ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจค้าสลาก ผลตอบแทนไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ขาดทุน และปัญหาอื่นๆ เช่น หุ้นส่วนขัดแย้ง หุ้นส่วนมีปัญหาสุขภาพอีก แต่ยังไม่พบปัญหาการเมืองทำให้จดทะเบียนเลิก
รมช.พาณิชย์ ยังกล่าวถึงแนวโน้มการจดทะเบียนธุรกิจในปี 57 ว่า หากการเมืองเดินตามระบบได้ มีการปฏิบัติตามกติกา และโครงการบริหารจัดการน้ำ 350,000 ล้านบาท และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง 2 ล้านล้านบาท มีความชัดเจนจะทำให้ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นและมีการจดทะเบียนเพิ่มขึ้น อีกทั้งในปี 57 เป็นปีสุดท้ายก่อนที่จะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 58 ก็ยิ่งเป็นปัจจัยบวกทำให้ภาคธุรกิจมีการขยายธุรกิจรองรับมากขึ้น