ทั้งนี้ ความเสี่ยงสำคัญในระยะต่อไป คือ ความไม่แน่นอนทางการเมือง และ ความผันผวนของตลาดการเงินจากเงินทุนเคลื่อนย้าย ซึ่งควรติดตาม เพราะอาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศในระยะต่อไปได้ โดยตลาดการเงินไทยยังมีความผันผวนมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 56 จากความไม่แน่นอนของการลดปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาล (QE Tapering) ของสหรัฐเป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี การตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่จะเริ่มทยอยดำเนินนโยบายดังกล่าวในเดือนม.ค.2557 อาจลดความไม่แน่นอนของตลาดลงบ้าง แต่ความผันผวนของตลาดการเงินยังมีอยู่
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยยังคงมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น โดยคุณภาพสินทรัพย์และความสามารถในการทำกำไรอยู่ในเกณฑ์ดี เงินกองทุน เงินสำรอง และสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง ทำให้สามารถขยายสินเชื่อเพื่อสนับนุนภาคเศรษฐกิจจริงต่อไปได้
ทั้งนี้ แม้เสถียรภาพทางการเงินไทยมีความเสี่ยงลดลงบ้าง เมื่อเทียบกับการประชุมครั้งก่อน เนื่องจากหนี้ครัวเรือน ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการขยายสินเชื่อในภาพรวมมีการปรับตัวชะลอลงตามการขยายตัวของเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงมากขึ้นกว่าการประชุมครั้งก่อน โดยการใช้จ่ายและการลงทุนภายในประเทศทั้งภาครัฐและเอกชนชะลอลงกว่าที่คาด
ขณะที่การส่งออกยังไม่ฟื้นตัวนัก และอาจไม่ได้รับประโยชน์เต็มที่จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากข้อจำกัดด้านอุปทาน นอกจากนี้ความเชื่อมั่นของภาคเอกชนยังไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง อย่างไรก็ดีที่ผ่านมาภาคธุรกิจโดยรวมยังมีฐานะการเงินและสภาพคล่องในเกณฑ์ดี แต่ผลประกอบการมีแนวโน้มลดลง จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและเล็ก