ทั้งนี้ น่าจะมีผลมาจากการที่ บตท.ได้รับการปรับอันดับเครดิตองค์กรและพันธบัตรไม่มีประกันจากบริษัท ทริสเรทติ้ง ให้เพิ่มเป็น AA- /Stable ประกอบกับผลการดำเนินงานของ บตท. ที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตราสาร MBS ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก
อนึ่ง บตท. สามารถนำไปวางแผนการออกตราสารครั้งต่อไปเพื่อให้สามารถตอบสนองตามความต้องการของนักลงทุนให้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น และรองรับการซื้อสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากธนาคารพาณิชย์กว่า 2 หมื่นล้านบาทที่ต้องการขายให้กับ บตท.ในปี 2557 นี้ เนื่องจากโมเดลธุรกิจของสถาบันการเงินมีการปรับเปลี่ยนให้มีความสอดคล้องกับธุรกิจและสามารถสร้างผลกำไรครบวงจรมากยิ่งขึ้น ทั้งด้านการขายพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัย ด้านการจัดจำหน่ายและถือครองตราสาร MBS ที่มีความเสี่ยงต่ำและมีเครดิตเรตติ้งองค์กรที่ดี จึงทำให้สถาบันการเงินหันมาให้ความสนใจโมเดลดังกล่าวเพื่อใช้ประโยชน์จากกลไกตลาดรอง สร้างผลประกอบการให้กับองค์กรมากขึ้น
ด้านนางอัญชุลี สิมะเสถียร รองกรรมการผู้จัดการ สายการเงิน บตท. กล่าวว่า ตราสาร MBS ที่เสนอขายมูลค่าไม่เกิน 2,050 ล้านบาท อายุ 3 ปี แบ่งเป็นหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ จำนวน 1,500 ล้านบาท เสนอขายแก่ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ และหุ้นด้อยสิทธิจำนวนไม่เกิน 550 ล้านบาท
สำหรับวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินที่ได้ไปใช้ดำเนินธุรกรรมในการจัดซื้อสินเชื่อที่อยู่อาศัยและพัฒนาตลาดทุนเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ตามพันธกิจ บตท.
อนึ่ง ในการออกจำหน่ายตราสาร MBS วงเงิน 2,050 ล้านบาท ในครั้งนี้ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน เนื่องจากเชื่อว่า นักลงทุนให้ความสำคัญในการลงทุนตราสารที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐ โดย บตท. เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจ โดยมีกระทรวงการคลังถือหุ้น 100%และมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ระดับ AA- (Stable) จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา
ตลอดจนตราสาร MBS เป็นตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำเนื่องจาก บตท. จะรับความเสี่ยงจากการถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิ (Subordinated Deb) ที่มีพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัยค้ำประกันตราสารที่ออก และได้รับการจัดจำหน่ายโดยธนาคารกสิกรไทย (KBANK)