สำหรับช่องวาไรตี้จะเปิดโอกาสพันธมิตรเข้ามาร่วมที่จะป้อนคอนเท้นท์ และบางส่วนผลิตเอง ซึ่งกลุ่มเนชั่นมีประสบการณ์มาก่อน ขณะที่ช่องข่าว กลุ่มเนชั่นมีความพร้อมซึ่งได้เตรียมบุคคลกรมานานพอสมควร โดยดึงบุคคลากรจากสื่อสิ่งพิมพ์เข้ามา
"เราประกาศตั้งแต่ต้นว่าเราสนใจทีวีดิจิตอล เราเห็นช่องวาไรตี้ ช่องข่าว ช่องเด็กน่าสนใจ ช่องที่ประมูลได้มาไม่ได้เกินกว่าที่คาดหวัง ราคาประมูลก็ไม่ได้สูงเกินกว่าที่ประมาณการไว้ เพราะเรารู้ว่าการแข่งขันจะดุเดือด" นายสุทธิชัยกล่าว
ด้านนายอดิศักดิ์ ลิ่มปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการ NMG คาดว่า รายได้จากสื่อทีวีจะมากกว่าสื่อสิ่งพิมพ์ใน 5 ปี และมีแนวโน้มจะเร็วกว่าแผนเพราะได้มา 2 ช่องแล้ว โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากทีวีประมาณ 20%
ทั้งนี้มองว่าแนวโน้มราคาโฆษณาจะลดลงหลังการออกอากาศทีวีดิจิตอลทางธุรกิจ 24 ช่อง และทำให้ผู้ลงโฆษณามีทางเลือกที่หลากหลาย ขณะเดียวกันผู้ชมก็มีทางเลือกเพิ่มขึ้นเช่นกัน