แนวโน้มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 57 ยังมีความเสี่ยงอยู่ในช่วงขาลง ท่ามกลางตัวแปรท้าทายที่มาจากหลายด้านพร้อมกันตั้งแต่ในช่วงต้นปี ทั้งในส่วนที่เป็นปัจจัยเดิมๆ ของปี 56 ที่ส่งผลต่อเนื่อง อาทิ ความกังวลต่อภาระค่าครองชีพ/หนี้ครัวเรือน การปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG/ค่าไฟฟ้า รวมถึงตัวแปรทางการเมืองในประเทศ ซึ่งคงจะต้องประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อเนื่องในปี 57 เพราะพัฒนาการของเหตุการณ์จะมีนัยสำคัญค่อนข้างมากต่อแนวทางการลงทุน-การใช้จ่ายของภาครัฐ ตลอดจนภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ
ความขัดแย้งทางการเมืองไทย และโจทย์ในการพลิกฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทั้งนี้ คงต้องยอมรับว่าตัวแปรทางการเมืองเป็นปัจจัยลบเพิ่มเติมที่มีผลกระทบต่อการประเมินแนวโน้มของเศรษฐกิจไทยในปี 57 ค่อนข้างมาก โดยบรรยากาศทางการเมืองที่ยังคงมีความขัดแย้งข้ามปี ย่อมจะส่งผลทำให้กลไกการทำงานจากฝั่งรัฐบาลไม่ยืดหยุ่นเพียงพอที่จะผลักดันมาตรการที่จำเป็นต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาได้อย่างทันท่วงที โดยภาครัฐอาจสามารถทำได้เพียงเร่งการเบิกจ่ายเม็ดเงินตามแผนการใช้จ่ายของงบประมาณปัจจุบันเท่านั้น อนึ่งสถานการณ์จะทวีความซับซ้อนมากขึ้น หากปัญหาการเมืองกินเวลายาวนานเข้าสู่ช่วงปลายไตรมาส 2-ต้นไตรมาส 3 ที่จะต้องมีการเริ่มกระบวนการจัดทำงบประมาณปีถัดไป (และอาจจะต้องมีการขยับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจากระดับร้อยละ 7 ในช่วงเดือนต.ค.57 ตามแผนเดิม)
ดังนั้น สถานการณ์การจับจ่ายใช้สอยของภาคเอกชน จึงยังไม่น่าจะมีแรงกระตุ้นใหม่ๆ เข้ามาช่วยเร่งการฟื้นตัว นอกจากนี้ ภาพความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้อเป็นเวลานาน ก็ไม่น่าจะเป็นผลดีต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดเงิน-ตลาดทุนไทย ทิศทางค่าเงินบาท รวมถึงยังเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อสถานะอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ระดับ BBB+ โดยสแตนดาร์ด แอนด์ พัวส์ (S&P’s) และฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch) และระดับ Baa1 โดยมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส (Moody’s)
การใช้จ่ายเม็ดเงินนอกงบประมาณอาจมีความล่าช้า อาทิ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ซึ่งอาจไม่สามารถเกิดขึ้นได้ทันในปี 2557 รวมถึงการลงทุนในระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนที่น่าจะต้องเผชิญกับกระบวนการที่มีความล่าช้า เพราะจะต้องรอภาพที่นิ่งมากขึ้นจากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศก่อน ดังนั้น กรอบการใช้จ่ายส่วนเพิ่มเติมนอกงบประมาณของภาครัฐ คงมีผลที่ค่อนข้างจำกัดต่อเศรษฐกิจไทย หากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองไม่สามารถสิ้นสุดได้โดยเร็วภายในช่วงครึ่งแรกของปี
ทิศทางราคาสินค้า พลังงาน/ค่าไฟฟ้า และภาระค่าครองชีพ นอกจากความกังวลต่อภาระหนี้ครัวเรือนที่น่าจะลากยาวข้ามไปเป็นประเด็นต่อเนื่องตลอดช่วงปีข้างหน้าแล้ว แนวโน้มภาระค่าครองชีพของประชาชน และต้นทุนภาคธุรกิจที่จ่อขยับขึ้นตั้งแต่ต้นปี ก็น่าจะส่งผลให้การใช้จ่ายในประเทศต้องเผชิญกับสภาวะที่ท้าทายด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างราคาพลังงานในส่วนของก๊าซ LPG ในปี 57 มีตารางเวลาที่ค่อนข้างชัดเจน ขณะที่ ค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (Ft) จะขยับขึ้น 5 สตางค์/หน่วยในงวดแรกเดือนม.ค.-เม.ย.57 ซึ่งในส่วนของค่า Ft ในรอบถัดๆ ไปนั้น ยังคงมีความอ่อนไหวตามทิศทางค่าเงินบาทและราคาพลังงานในตลาดโลก
สถานการณ์การส่งออกไทยที่ฟื้นตัวตามหลังสัญญาณบวกของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากข้อจำกัดด้านอุปทานของบางผลิตภัณฑ์ (อาทิ กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง ที่แม้ปัญหาโรคระบาดจะเริ่มคลี่คลาย แต่สถานการณ์ในภาคการผลิตก็ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติอย่างสมบูรณ์) ขณะที่ สินค้าเกษตรบางรายการก็อาจจะยังต้องรับมือกับสภาพการแข่งขันทางด้านราคาที่เข้มข้นกับประเทศคู่แข่ง รวมถึงสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ภาคการผลิตไทยยังอยู่ในช่วงของการปรับเปลี่ยนให้มีความสอดคล้องกับเทรนด์/พฤติกรรมผู้บริโภคสินค้าไอทีในตลาดโลก นอกจากนี้ สถานการณ์ทางการเมืองของไทย ก็อาจมีผลต่อการตัดสินใจในการสั่งซื้อจากประเทศคู่ค้าให้มีช่วงเวลาที่สั้นลงเพื่อรอดูความชัดเจนทางการเมืองประกอบไปด้วยพร้อมๆ กัน