นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีผู้บริหารธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ปฏิเสธที่จะนำเงินสำรองของธนาคารมาชำระค่าจำนำข้าวให้กับชาวนาตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อเดือน ก.ย.56 ว่า กระทรวงการคลังต้องเร่งหาความชัดเจน เพราะโดยข้อเท็จจริงได้หารือร่วมกับ ธ.ก.ส.แล้วให้ดำเนินการตามมติ ครม. เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลกู้เงินจาก ธ.ก.ส.มาใช้ในโครงการจำนำข้าว และให้อัตราดอกเบี้ยสูงมากกว่า 3.5-3.7% ซึ่งสูงกว่าที่ ธ.ก.ส.ปล่อยกู้เป็นการทั่วไป จึงเห็นว่า ธ.ก.ส.ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องการนำสภาพคล่องออกมาให้ใช้ในโครงการจำนำข้าว ในระหว่างที่ยังรอเงินจากการระบายข้าวของกระทรวงพาณิชย์
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์เตรียมเปิดประมูลข้าวผ่านตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย(AFET) ในวันที่ 15 ม.ค.นี้ ปริมาณ 150,000 ตัน โดยเป็นข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 56/57 ส่วนที่ประชุม ครม.ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ม.ค.57 ได้พิจารณาเรื่องการกู้เงิน 130,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินกู้ที่ได้กำหนดกรอบการกู้ไว้ก่อนหน้าแล้ว แต่ที่จะต้องนำมาใช้ในโครงการรับจำนำจริงเพียงไม่กี่หมื่นล้านบาทเท่านั้น
"โครงการรับจำนำเป็นสิ่งที่ทำมาตั้งแต่ก่อนยุบสภา เมื่อรับข้าวเข้ามาแล้วก็ต้องจ่ายเงินให้ชาวนาไป ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นที่น่าจะเข้าใจได้ และเป็นเรื่องของรัฐบาลกับประชาชน รัฐบาลของประเทศไทยไม่ใช่ของใคร และก็ไม่ได้ขอเงิน ธ.ก.ส.มาเปล่าๆ แต่เป็นการกู้ที่ให้ดอกเบี้ยสูง ซึ่งไปดูผลประกอบการ ธ.ก.ส. เทียบก่อนและหลังมีโครงการรับจำนำได้ว่ามีผลกำไรดีขึ้นอย่างไร" นายนิวัฒน์ธำรง กล่าว