ส่วนการชะลอการระบายข้าวรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) ปริมาณ 1 ล้านตันให้กับรัฐบาลจีนนั้น กระทรวงพาณิชย์จะเร่งระบายข้าวรัฐผ่านวิธีการอื่นแทน เพื่อให้มีเงินเข้ามาหมุนเวียนใช้ในโครงการรับจำนำข้าว ทั้งในรูปของการประมูลผ่านตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย(AFET) และการให้ภาคเอกชนที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเสนอซื้อจากรัฐโดยตรง ซึ่งระบายออกจากสต๊อกได้อย่างรวดเร็ว กว่าการเปิดประมูลทั่วไป สำหรับข้าวจีทูจีสัญญาเก่านั้นยังคงเร่งให้ผู้ซื้อมารับมอบโดยเร็ว เพื่อส่งเงินคืนกระทรวงการคลังได้ตามแผน
รมช.พาณิชย์ ยังกล่าวภายหลังการตรวจสอบโกดังเก็บข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลที่จะเปิดประมูลผ่าน AFET ของบริษัท พงษ์ลาภ จำกัด ที่จ.สระบุรี ว่า กระทรวง จะเปิดประมูลข้าวสารใน AFET วันที่ 22 ม.ค.ปริมาณ 1.48 แสนตัน โดยจะนำข้าวสารจากโครงการจำนำข้าวเปลือกปี 56/57 และปี 55/56 มาเปิดประมูล แยกเป็น ข้าวขาว 5% ปริมาณ 1.10 แสนตัน และข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ปริมาณ 3.84 หมื่นตัน
"คาดว่าจะมีการเสนอราคาส่วนต่างดีกว่าทุกครั้งที่ผานมา เพราะข้าวที่เปิดระมูลเป็นข้าวใหม่เป็นที่ต้องการของภาคเอกชน รวมถึงรัฐบาลยังได้ลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ โดยเอกชนไม่ต้องวางเงินค้ำประกัน จากเดิมที่ต้องวางค้ำประกัน ทำให้เอกชนไม่ต้องมีต้นทุนเพิ่มขึ้น อีกทั้งการประมูลครั้งนี้จะให้ อคส.เข้าร่วมประมูลแข่งขันกับเอกชน ซึ่งน่าจะทำให้ได้ราคาดีกว่าการประมูลครั้งก่อน" นายยรรยง กล่าว