โดยนายกิตติรัตน์ กล่าวว่า กระทรวงการคลังมีความจำเป็นที่จะต้องขอกู้เงินเพื่อชำระหนี้ให้กับชาวนาที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลเมื่อเดือนก.ย.56 โดยได้มีการออกใบประทวนเมื่อเดือนต.ค.56 ซึ่งรัฐบาลค้างจ่ายค่าข้าวให้กับชาวนาที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว ที่สำคัญรัฐบาลไม่ได้เปิดโครงการรับจำนำในรอบใหม่ แต่เป็นการขออนุมัติกู้เงินของเดิมมาชำระในโครงการรับจำนำ เนื่องจากก่อนหน้านี้รัฐบาลไม่สามารถดึงเงินดังกล่าวมาใช้ได้ จึงต้องมีการขออนุมัติผ่านการพิจารณาจาก กกต.
"เรื่องข้าวเป็นการกู้เงินมาเพื่อชำระข้าวที่เรารับจำนำไว้แล้ว ไม่ใช่เรื่องที่ไปก่อภาระผูกพันใหม่ โดยมีการรับจำนำตั้งแต่เดือน ก.ย. 56 มีการออกใบประทวนตั้งแต่ต.ค.56 มีการชำระค่าจำนำข้าวไปแล้วจำนวนหนึ่งแล้ว เมื่อมีการยุบสภา ความผูกพันที่มีต่อชาวนาที่เราออกใบประทวนไปแล้วซึ่งมีสิทธินำข้าวมาจำนำตามใบประทวนต่าง ๆ รัฐก็มีหน้าที่จ่ายค่าจำนำตรงนี้ ขอเรียนว่า เป็นเงินที่จะจ่ายตรงผ่านบัญชีเกษตรกร ดังนั้นการดำเนินการเชื่อว่าเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ไม่มีอะไรที่ขัดต่อหลักการของรัฐธรรมนูญที่เขียนไว้" นายกิตติรัตน์กล่าว
พร้อมระบุว่า รัฐบาลอาจถูกมองว่าใช้เงินจำนวนมากไปดูแลชาวนา แต่ความจริงไม่ว่ารัฐบาลชุดใดก็ใช้เงินดูแลชาวนาทั่วประเทศ รวมถึงรัฐบาลชุดที่แล้ว ซึ่งภาระที่ส่งต่อข้ามมารัฐบาลใหม่นั้นรัฐบาลชุดนี้ก็ดูแลต่อ
อย่างไรก็ดี ภายหลังการชี้แจงต่อ กกต.ในช่วงเช้าเรียบร้อยแล้ว นายกิตติรัตน์ จะนำผลการหารือของกกต.ไปรายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ช่วงบ่ายวันนี้ด้วย
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวว่า นายกิตติรัตน์ ได้มาชี้แจงกรณีดังกล่าวกับ กกต.เป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ส่วนมติของ กกต.จะออกมาว่าอย่างไรนั้น จะมีการแถลงในเวลา 17.00 น.
"ประเด็นและมติต่างๆ กกต.จะแถลงตอน 5 โมงเย็น ที่ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต...แต่มติที่ออกมาเป็นเอกฉันท์ เป็นความเห็นร่วมของ กกต.ทุกคน ไม่มีใครเห็นต่าง" นายสมชัย กล่าวกับ "อินโฟเควสท์"