นอกจากนี้ยังมีบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย อดีต ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล และ ส.ว.บางส่วน ที่ร่วมกันกระทำผิดสนับสนุนโดยผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาและมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)ให้ ป.ป.ช.นำสืบทรัพย์สินให้ได้มากที่สุด หากยึดทรัพย์แล้วยังไม่เพียงพอต่อการชดเชยทางแพ่ง ให้ดำเนินการฟ้องร้องให้คณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความเสียหายดังกล่าวเป็นบุคคลล้มละลาย
"การดำเนินนโยบายโครงการรับจำนำข้าวในระยะเวลา 2 ปี ทำให้ประเทศขาดทุนร่วม 370,938 ล้านบาท นอกจากตัวเลขขาดทุนดังกล่าวแล้วยังส่งผลต่อการสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดข้าวในเวทีโลก การเสียโอกาสของชาวนาไทย เป็นต้น" นายมงคลกิตติ์ กล่าว
ขณะที่นายวิทยา อาคมพิทักษ์ รองเลขาธิการ ป.ป.ช.ซึ่งเป็นผู้รับหนังสือดังกล่าว กล่าวว่า ที่ผ่านมา ป.ป.ช.ได้พิจารณาและตรวจสอบความผิดทางแพ่งอยู่แล้ว โดยกรณีนี้จะส่งเรื่องให้กับคณะอนุกรรมการตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าว นำไปพิจารณาเป็นสำนวนเดียวกันต่อไป