ส่วนค่าความหวาน(C.C.S.) ของฤดูการผลิตปีนี้ก็ดีกว่าปีที่ผ่านมา โดยอยู่ที่ 11.52 ซี.ซี.เอส.หรือเพิ่มขึ้น 1.02 ซี.ซี.เอส.เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีค่าความหวานเฉลี่ยอยู่ที่ 10.50 ซี.ซี.เอส. โดยมีปริมาณกากน้ำตาล(โมลาส) เฉลี่ยอยู่ที่ 35.84 กิโลกรัมต่อตันอ้อย ลดลงจากปีก่อนที่มีกากน้ำตาลเฉลี่ยอยู่ที่ 39.41 กิโลกรัมต่อตันอ้อย
ขณะที่ปัญหาเรื่องอ้อยไฟไหม้ก็พบว่ามีทิศทางดีขึ้น โดยฤดูการผลิตปีนี้มีสัดส่วนปริมาณอ้อยไฟไหม้คิดเป็น 58.85% จากปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมด ลดลงเมื่อเทียบช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีปริมาณอ้อยไฟไหม้คิดเป็น 60.70% ซึ่งช่วยส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังสามารถลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมจากหมอกควันที่เกิดจากการเผาอ้อยได้อีกทางหนึ่งด้วย
"ภาพรวมของคุณภาพและผลผลิตอ้อยในปีนี้เมื่อเทียบกับฤดูการผลิตที่ผ่านมาถือว่าดีขึ้นมาก ซึ่งเป็นผลมาจากโรงงานน้ำตาลทรายได้ร่วมออกรณรงค์ชาวไร่อ้อยจัดเก็บอ้อยสด รวมถึงการสนับสนุนรถตัดอ้อยเข้ามาช่วยเสริมในการจัดเก็บผลผลิต ทดแทนแรงงานคนตัดอ้อยที่ขาดแคลน ส่งผลให้มีปริมาณอ้อยสดเข้าหีบเพิ่มขึ้น ประกอบกับสภาพอากาศในปีนี้ที่หนาวเย็นนานกว่าทุกปี ยังช่วยให้อ้อยสร้างค่าความหวานได้ดีขึ้น จึงประเมินว่า ปริมาณการผลิตน้ำตาลทรายในปีนี้ จะสามารถผลิตได้ประมาณ 104-106 ล้านกระสอบ ซึ่งช่วยให้ชาวไร่มีรายได้จากการเพาะปลูกอ้อยดีขึ้นด้วย" นายสิริวุทธิ์ กล่าว