“การให้ส่งเสริมการลงทุนแก่กิจการเอสเอ็มอี เป็นนโยบายสำคัญของบีโอไอ เพื่อช่วยสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการรายย่อยให้ได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด ซึ่งจะช่วยเรื่องสภาพคล่องทางการเงินท่ามกลางสภาพธุรกิจที่ได้รับผลกระทบด้านต้นทุน ดังนั้น เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าใจเรื่องสิทธิประโยชน์การลงทุนมากขึ้นโดยเฉพาะประเภทของกิจการที่จะให้การส่งเสริมฯ จึงต้องอธิบายรายละเอียดเพื่อให้ความรู้และสร้างแรงจูงใจในการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ" นายเจษฎากล่าว
ทั้งนี้มาตรการเพิ่มขีดความสามารถของเอสเอ็มอีครอบคลุมกิจการ 39 ประเภท กระจายอยู่ใน 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มกิจการที่เพิ่มมูลค่าแก่สินค้า ภาคเกษตรกรรม 2. กลุ่มกิจการที่ใช้ทักษะการผลิตและเป็นอุตสาหกรรมสนับสนุนที่สำคัญ 3.กลุ่มกิจการเชิงสร้างสรรค์ 4. กลุ่มกิจการบริการและสนับสนุนการท่องเที่ยว
กิจการเอสเอ็มอีไทยที่ได้รับการส่งเสริมจะได้รับสิทธิและประโยชน์ ดังนี้ ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรไม่ว่าตั้งอยู่ในเขตใด ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี ไม่ว่าตั้งอยู่ในเขตใด เป็นสัดส่วนร้อยละ 100 ของเงินลงทุน (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน)
สำหรับนโยบายการส่งเสริมลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของเอสเอ็มอี หลังจากที่เพิ่มประเภทกิจการจาก 10 ประเภทเป็น 57 ประเภท ส่งผลให้ทั้งจำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยจำนวนโครงการจาก 252 โครงการ ในปี 2553 มาเป็น 432 โครงการในปี 2554 ขณะที่มูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้นจาก 7,140 ล้านบาท มาเป็น 19,447 ล้านบาท