ทั้งนี้ ยอดหนี้ของปี 55/56 เดือนก.ค.-15 ก.ย.56 เป็นข้าวและจำนวนเงินที่เกินจากงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติ โดยมีการนำมาจำนำในช่วง 15 ก.ย.56 โดยมียอดจำนวนเงิน 712 ล้านบาท จากเกษตรกรประมาณ 3 พันกว่าราย ในพื้นที่ 5 จังหวัดตกค้าง คือ พระนครศรีอยุธยา, ฉะเชิงเทรา, เพชรบุรี, อุทัยธานี และปราจีนบุรี ซึ่งจากการตรวจสอบหลักฐานได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเสนอคณะกรรมการนโยบายข้างแห่งชาติ(กขช.) เห็นชอบเมื่อวันที่ 20 ม.ค.57 โดยจะนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติ และขอความเห็นชอบการใช้เงินจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ต่อไป
สำหรับปัญหาที่ชาวนาเดินทางมาประท้วงเรียกร้องเงินค่าข้าวและปักหลักชุมนุมที่กระทรวงพาณิชย์นั้น นายนิวัฒน์ธำรง ชี้แจงว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรววพาณิชย์ และเจ้าหน้าที่เข้าไปทำความเข้าใจกับชาวนา โดยให้ความมั่นใจกับชาวนาว่าจะเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด และยินดีจะจ่ายเป็นข้าวสารแทนเงินค่าข้าว ส่วนความคืบหน้าในการหาแหล่งเงินกู้ ต้องสอบถามจากนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ซึ่งกำลังทำงานอย่างเต็มที่
ส่วนกรณีที่สมาคมผู้ส่งออกข้าว ระบุว่าสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐกับรัฐบาลจีน ต้องดำเนินการผ่านบริษัท คอบโกด์ เพียงบริษัทเดียวนั้น นายนิวัฒน์ธำรง ชี้แจงว่า สัญญาการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐได้ดำเนินการมาตั้งแต่รัฐบาลที่ผ่านมา ดำเนินการผ่านทั้งรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งการดำเนินการผ่านบริษัทคอบโกด์ก็ดำเนินการมาตั้งแต่รัฐบาลที่ผ่านมา แต่การทำสัญญากับรัฐวิสาหกิจ เป่ย ต้า ฮวงเป็นการทำสัญญาจริง แต่เนื่องจากทางเป่ย ต้า ฮวงไม่สบายใจต่อการตรวจสอบในโครงการรับจำนำข้าวของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) จึงได้ยกเลิกสัญญาไปก่อน
นอกจากนี้ ในส่วนการระบายข้าวนั้น กระทรวงพาณิชย์จะยึดราคาตลาดเป็นหลัก ไม่ใช่การขายโดยยอมขาดทุน ซึ่งมีหลายแนวทาง แต่อาจจะล้าช้าเพราะติดขัดในเรื่องระเบียบขั้นตอนทางราชการ ซึ่งวันนี้ทางกระทรวงพาณิชย์ได้เริ่มแจกซองประมูลข้าวเป็นวันแรกและให้ยื่นประกวดราคาในวันที่ 12 ก.พ.นี้ และเปิดซองในวันถัดไป