ทั้งนี้ ในปี 57 ตั้งเป้าหมายการค้ำประกันสินเชื่อที่ 100,000 ล้านบาท หรือจำนวน 32,895 ราย แบ่งเป็น ไตรมาส 1/57 ยอดค้ำประกันที่ 19,750 ล้านบาท จำนวน SMEs 6,498 ราย, ไตรมาส 2/57 ยอดค้ำประกัน 22,620 ล้านบาท จำนวน SMEs 7,440 ราย, ไตรมาส 3/57 ยอดค้ำประกัน 26,630 ล้านบาท จำนวน SMEs 8,760 ราย และ ไตรมาส 4/57 ยอดค้ำประกัน 31,000 ล้านบาท จำนวน SMEs 10,197 ราย
ผลการดำเนินงาน สิ้นเดือน ม.ค.57 มีผู้ประกอบการ SMEs ใช้บริการค้ำประกันสินเชื่อ จำนวนทั้งสิ้น 1,404 ราย วงเงินค้ำประกัน 3,633 ล้านบาท จากเป้าหมายในไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) 19,750 ล้านบาท จำนวนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 6,498 ราย
"ผลการดำเนินงานในเดือนมกราคมสอดคล้อง กับภาพรวมทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีอัตราการเติบโตถดถอย จากปัจจัยการเมือง และจากนโยบายการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร จำกัดวงเงิน และ ชะลอตัวในการปล่อยสินเชื่อ ในกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งพบว่าขณะนี้ธนาคารได้ปรับนโนบายการให้สินเชื่อโดยหันมาเน้นลูกค้ากลุ่มเก่าแทนการหาลูกค้าใหม่"นายวัลลภ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บสย.ได้เร่งติดตามผลกระทบจากทุกภาคส่วน โดยยังได้ร่วมประชุมหารือกับธนาคารเพื่อวางแผนร่วมกัน ในการหาแนวทางใหม่ๆร่วมกันเพื่อช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยใช้กลยุทธ์ทั้งรับและรุกเร็ว ขณะนี้ บสย.ได้ปรับรูปแบบการทำงาน โดยเน้นเชิงรุกมากขึ้น และประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยในส่วนของฝ่ายกิจการสาขา ได้มอบหมายให้ผู้บริหารสาขาติดตามเป็นพี่เลี้ยงผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และให้คำปรึกษาทางการเงิน หากว่าลูกค้ากำลังประสบปัญหาเรื่องสภาพคล่อง
นอกจากนี้ ฝ่ายกิจการสาขา ยังได้ริเริ่มกิจกรรมใหม่ คือ “โอเรียลเทชั่น" ให้กับกลุ่มลูกค้าใหม่ที่เพิ่งให้บสย.ค้ำประกันในปีที่ผ่านมา โดยกิจกรรมนี้มุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการใหม่ของ บสย. ประกอบด้วยกิจกรรมสร้างเสริมความแข็งแกร่งเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการ เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การจัดทำแผนธุรกิจและกิจกรรมให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ รวมถึงการอบรมให้ความรู้ผ่านหลักสูตรการเสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะเป็นกิจกรรมที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ได้รับความรู้ และรู้จักเครือข่ายผู้ประกอบการ