ทั้งนี้ ข้าวขาว 5% มีการเสนอราคาส่วนต่าง(เบสิส)จากราคาตลาดครบทุกกองข้าวตั้งแต่กิโลกรัม(กก.) ละ -1.70 บาท ถึง -3.49 บาท ข้าวหอมมะลิเสนอส่วนต่างประมาณ 60% ของกองข้าวที่เปิดขาย หรือประมาณ 30,000 กว่าตัน เสนอราคาส่วนต่างตั้งแต่ กก.ละ -1.72 บาท ถึง -4.73 บาท โดยราคาครั้งนี้ไม่ดีเท่ารอบที่ผ่านมา เพราะขณะนี้รัฐบาลเปิดระบายข้าวจำนวนมาก ทำให้ราคาข้าวในตลาดอ่อนตัวลง
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะเจรจาต่อรองราคาส่วนต่าง ซึ่งหากขายได้ครบทุกกองที่เสนอซื้อเข้ามาคาดว่าจะได้เงินประมาณ 1,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยขายได้ตันละ 10,000-12,000 บาท เพื่อนำเงินส่งคืนกระทรวงการคลังให้จ่ายค่าข้าวที่ค้างอยู่กับขาวนา
ส่วนการเปิดขายผ่าน AFET 4 รอบที่ผ่านมา สามารถอนุมัติขายได้ 186,000ตัน มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท และจะเปิดประมูลข้าวผ่าน AFET รอบต่อไปในวันที่ 26 ก.พ.นี้ ปริมาณ 200,000 ตันเป็นข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 56/57 ตามความต้องการของภาคเอกชน
นายสมชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการให้ชาวนานำใบประทวนมากู้เงินโรงสีในสัดส่วน 50% ตามมูลค่าของใบประทวน ว่า ยังไม่ล้มเลิกโครงการดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการนำเสนอเรื่องไปยังเลขาธิการคณะรัฐมนตรีก่อนเข้าสู่ที่ประชุม ครม.พิจารณาอนุมัติงบประมาณ 1,200 ล้านบาท เป็นค่าดอกเบี้ยที่รัฐจะจ่ายให้โรงสีที่รับจำนำใบประทวนแทนชาวนา ขณะเดียวกันกำลังให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบรายละเอียดว่าการรับจำนำใบประทวนสามารถทำได้หรือไม่ พร้อมกับส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) พิจารณาด้วยเช่นกัน
"ปัญหาที่ ธ.ก.ส.ระบุว่าไม่มีอำนาจสลักหลังใบประทวนเพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันให้กับโรงสีนั้น จะเปลี่ยนไปให้องค์การคลังสินค้า(อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.) สลักหลังแทน เพราะเป็นหน่วยงานที่ออกใบประทวนให้กับชาวนา ซึ่ง ธ.ก.ส.มีหน้าที่จ่ายเงินอย่างเดียว" นายสมชาติ กล่าว