"ผู้เสนอส่วนต่างใกล้เคียงกับรอบที่ผ่านถือว่าน่าพอใจ แม้จะมีบางรายเสนอส่วนต่างลบมาก อย่างข้าวหอมมะลิ ลบถึงกิโลกรัมละ 6 บาทกว่า ซึ่งถ้าต่ำมากๆ เราก็อาจไม่ขายให้ก็ได้ เพราะจะเป็นราคาชี้นำข้าวล่วงหน้าได้ โดย คณะทำงานระบายข่าวผ่านเอเฟตจะพิจารณาราคาเสนอซื้อ และอนุมัติขายได้ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ และจะยื่นซองเสนอราคาครั้งต่อไปวันที่ 12 มีนาคมนี้ ปริมาณราว 200,000 ตัน" นายสุชาติ กล่าว
ขณะที่นายศักดิ์ดา ทองปลาด ผู้ทำการแทนผู้จัดการเอเฟต กล่าวว่า การเปิดขายข้าวสต๊อกรัฐบาลผ่านตลาดเอเฟต หากมีการอนุมัติขายทุกๆ 100,000 ตัน จะได้เงินประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเปิดระบายผ่านตลาดเอเฟตไปแล้ว 5 ครั้ง อนุมัติขาย 270,000 ตัน คิดเป็นเงิน 3,000 ล้านบาท และเชื่อว่าการระบายข้าวผ่านตลาดเอเฟตในทุกเดือนๆ ละ 200,000 ตัน จนถึงเดือน มิ.ย.นี้ จะสามารถระบายข้าวได้ทั้งสิ้น 1 ล้านตัน คิดเป็นเงินราว 10,000 ล้านบาท และจะนำเงินทยอยส่งคืนกระทรวงการคลัง 5,000 ล้านบาทก่อน เพราะต้องรอการชำระเงินค่าข้าวจากผู้ที่ได้รับอนุมัติตามสัญญารับมอบต่อไป