นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 32.53/55 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 32.53/59 บาท/ดอลลาร์
"ถือว่าเงินบาทเคลื่อนไหวตามทิศทางเดียวกันภูมิภาค ตลาดรอการประชุมธนาคารกลางยุโรป ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ คือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ซึ่งปกติก่อนตัวเลขพวกนี้จะออกมา ค่าเงินก็จะค่อนข้างทรงตัวหรือเคลื่อนไหวแคบๆ"นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน คาดว่า เงินบาทวันนี้จะยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเดิมที่ 32.50-32.6 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 101.63 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 101.30 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.3725 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.3777 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 32.5750 บาท/ดอลลาร์
- แบงก์ประสานเสียงการเมืองปัจจัยเสี่ยงหลักเศรษฐกิจไทย ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรอดูท่าทีอีก 1-2 เดือนก่อนทบทวนประมาณการ ระบุเป็นช่วงที่มีเหตุการณ์สำคัญต้องติดตาม พร้อมจับตากรณียูเครนห่วงดันราคาพลังงานขึ้นกระทบเงินเฟ้อ คาด กนง.คง ดบ. ด้าน EIC SCB ประเมินจีดีพีโต 2.4% เก็ง กนง.กด ดบ. 2 รอบรวด
- สมาคมค้าปลีกไทยจี้รัฐยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยเร็ว เพื่อกระตุ้นบรรยากาศการจับจ่ายเริ่มดีแล้ว หลังจากที่ กปปส. เปิดพื้นที่จราจรคืนกรุงเทพฯ แล้ว มั่นใจปีนี้ค้าปลีกทั้งปีโต 7% แต่ไตรมาสแรกยังโตต่ำแค่ 2% ชี้ปีที่แล้วเติบโต 6.3% เผย 7 เทรนด์รุ่งปีนี้
- นายอำนวย ปรีมนวงศ์ ในฐานะคณะกรรมการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่าขณะนี้สถานการณ์การฝากและถอนเงินของธนาคารออมสินกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่เงินที่ไหลออกไปนั้น ส่วนใหญ่ยังไม่ไหลกลับเข้ามา ขณะนี้สภาพคล่องของธนาคารลดลงไปเหลือ 1.8 แสนล้านบาทจากก่อนหน้าที่จะให้เงินกู้อินเตอร์แบงก์กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีสภาพคล่องอยู่ที่ 2.3 แสนล้านบาท
- นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประชุมได้หารือถึงเรื่องการเดินหน้าเจรจาการเปิดเสรีทางการค้า (เอฟทีเอ)โดยต้องการให้ภาครัฐ วางแนวทางร่างการเจรจา เพื่อให้มีความพร้อมที่จะดำเนินการ หากมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ เช่น เอฟทีเอไทย-อียู ซึ่งสิทธิพิเศษทางภาษี (จีเอสพี) ของไทย จะหมดลงในสินค้าทุกประเภท ความตกลงทางหุ้นส่วนเศรษฐกิจระหว่างญี่ปุ่น-ไทย (เจเทปป้า) ซึ่งต้องกำหนดกรอบ ลดปัญหาและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการค้าการลงทุนให้ผู้ประกอบการ
- นายยุทธชัย สุนทรรัตนเวช นายกสมาคมท่องเที่ยวภายในประเทศ (สนท.) เปิดเผยว่า หากชุมนุมยืดยื้อถึงเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น จะทำให้ประชาชนใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวลดลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ รวมถึงวันพักที่จะลดลงตาม จากเหตุการณ์ปกติจะพักเฉลี่ย 4 วัน 3 คืน อาจลดเหลือ 3 วัน 2 คืน ซึ่งจะทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศหายไปกว่า 3 หมื่นล้านบาท และหากการชุมนุมยังยืดเยื้อ เชื่อว่าจะทำให้บริษัททัวร์ขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ต้องปิดกิจการลงประมาณ 10-15% จากสมาชิกที่มีจำนวน 430 บริษัท เพราะเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีเงินหมุนเวียนได้ประมาณ 4-5 เดือน แต่ขณะนี้การชุมนุมยืดเยื้อไปแล้ว 4 เดือน
- ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (3 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเร่งเข้าถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางวิกฤตการณ์ในยูเครนที่ทวีความตึงเครียด
- นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวลงจากแรง take profit หลังจากที่เมื่อวานนี้ได้ปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างมาก อันเนื่องมาจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ดูดีขึ้น แต่ยังต้องติดตามดูต่อไป ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งทั้งในแดนบวก-ลบไม่มาก โดยตลาดตอบรับเรื่องสถานการณ์ในยูเครนไปแล้ว และตอนนี้รัสเซียก็ยังไม่ได้รุกเข้าไป-แค่ส่งทหารเข้าไปเท่านั้น ซึ่งนักลงทุนยังเฝ้าติดตามสถานการณ์อยู่ นอกจากนี้เศรษฐกิจจีนที่จะชะลอตัวในปีนี้ นักลงทุนก็เฝ้าติดตามดูอยู่เช่นกัน พร้อมให้แนวรับ 1,330 แนวต้าน 1,350 จุด
- ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองในยูเครนทวีความตึงเครียดขึ้นทุกขณะ นอกจากนั้นนักลงทุนยังจับตาดูการประชุมประจำปีของสภาประชาชนแห่งชาติของจีน (NPC) ในวันพรุ่งนี้
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (3 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้นในประเทศยูเครน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวได้ฉุดตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงด้วย
- นายเฮอร์แมน ฟาน รอมพาย ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) เปิดเผยว่า บรรดาผู้นำของสหภาพยุโรป (อียู) ได้ตัดสินใจที่จะจัดการประชุมสมัยวิสามัญว่าด้วยวิกฤตการณ์ในยูเครน ในวันพฤหัสบดีนี้
- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงเพิ่มขึ้น 50 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 12,530 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึง เทียบเท่ากับ 1,355.40 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ เพิ่มขึ้น 5.41 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุดที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.76 ดอลลาร์ฮ่องกง