นายกฯ ห่วงไทยถูก EU ตัด GSP หลังยุโรประงับเจรจาจากปัญหาการเมืองไม่นิ่ง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 5, 2014 17:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัว โดยระบุว่าได้รับการรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่าทางสหภาพยุโรปได้ประกาศเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ในการให้สิทธิพิเศษอัตราภาษีศุลกากร (Generalized System of Preferences - GSP) ในปี 58 โดยจะยกเลิกการให้ GSP กับประเทศที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ระดับปานกลางระดับบน (Upper- Middle Income) ขึ้นไป ซึ่งจะรวมถึงประเทศไทยด้วย

ในปัจจุบันสินค้าสินค้าไทยหลายรายการที่ได้รับสิทธิพิเศษดังกล่าว ได้แก่ กุ้งแปรรูป สัปปะรดกระป๋อง น้ำสัปปะรดกระป๋อง อาหารสุนัขหรือแมว มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับหนึ่งของสหภาพยุโรป นอกจากนี้ ยังมีสินค้าอื่นๆ ที่สำคัญ เช่น รถจักรยานยนต์ ถุงมือยาง ยางนอกรถยนต์ เครื่องปรับอากาศ เลนส์แว่นตา ซึ่งใน 2-3 ปีที่ผ่านมามีมูลค่ารวมประมาณปีละ 9,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 60 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าไปยังสหภาพยุโรปทั้งหมด

สืบเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ดังกล่าว ตั้งแต่ปี 58 เป็นต้นไป สินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีที่ได้ยกตัวอย่างในข้างต้น จะต้องเริ่มเสียภาษีนำเข้าในอัตราปกติ ซึ่งจะกระทบโดยตรงต่อราคาสินค้าที่จะต้องถูกปรับขึ้นตามอัตราภาษีที่จะต้องเสียเพิ่มขึ้น ในขณะที่ประเทศอื่นๆ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และ อินเดีย ซึ่งถือว่าเป็นประเทศในกลุ่ม Lower Middle Income ก็ยังจะได้รับสิทธิพิเศษ GSP จากสหภาพยุโรปอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี บางประเทศ เช่น มาเลเซียที่แม้จะถูกตัดสิทธิพิเศษ GSP ไปแล้ว แต่ได้มีข้อตกลงการค้าเสรี (FTA – Free Trade Agreement) กับสหภาพยุโรป จึงยังคงได้ลดภาษีนำเข้าเป็น 0

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เพื่อเป็นการรักษาความสามารถทางการแข่งขันของประเทศในตลาดสหภาพยุโรป ทางรัฐบาลได้เร่งดำเนินการเปิดการเจรจา FTA กับ สหภาพยุโรป หลังจากที่การเจรจามีการล่าช้ามานานจากความไม่สงบทางการเมือง โดยจากการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างผู้นำของไทยและสหภาพยุโรป ในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมาทั้ง 2 ฝ่ายก็ได้มีการตกลงที่จะเร่งดำเนินการเจรจาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ทันต่อการระงับสิทธิพิเศษ GSP ของสหภาพตามหลักเกณฑ์ใหม่ในปี 58

เป็นที่น่าเสียดายว่า ทางสหภาพยุโรปได้ระงับการเจรจาดังกล่าวไว้ก่อน เนื่องจากเหตุการณ์ทางการเมืองและความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งจะทำให้การเจรจาล่าช้าออกไป มีแนวโน้มที่จะไม่ทันการถูกตัดสิทธิ GSP ของไทยในปี 2558 ซึ่งนอกจากจะทำให้ความสามารถในการแข่งขันของไทยลดลง เนื่องจากราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากอัตราภาษีนำเข้าแล้ว ยังอาจส่งผลให้บรรษัทข้ามชาติย้ายฐานการผลิต หรือตัดสินใจลงทุนในประเทศที่มีสิทธิพิเศษทางการค้าไม่ว่าจะเป็น GSP หรือ FTA แทนที่จะลงทุน หรือทำธุรกิจต่อเนื่องในประเทศไทย

"ดิฉันขอให้คนไทยทุกคนก้าวข้ามความขัดแย้งทางการเมือง ร่วมมือ สนับสนุนให้กระบวนการการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อยเพื่อไม่ให้ปัญหาทางการเมืองมาฉุดรั้งประเทศจากการก้าวไปข้างหน้าค่ะ"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ