สำหรับบริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันชีวิตรับรวมสูงสุด หรือมีขนาดใหญ่สูงสุด 5 อันดับแรก คือ อันดับที่ 1 บจ.เอ.ไอ.เอ. จำนวน 9,207.66 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 24.26 อันดับที่ 2 บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต จำนวน 5,214.53 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 13.74 อันดับที่ 3 บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต จำนวน 5,086.89 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 13.40 อันดับที่ 4 บมจ.ไทยประกันชีวิต จำนวน 4,439.19 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 11.69 อันดับที่ 5 บมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำนวน 3,221.20 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 8.49 ทั้งนี้ รวม 5 อันดับแรก ครองสัดส่วนการตลาดร้อยละ 71.58 และอีก 19 บริษัทที่เหลือครองสัดส่วนการตลาดร้อยละ 28.42
ส่วนเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ เดือน ม.ค.57 จะพิจารณาจากจำนวนเบี้ยประกันชีวิตรับปีแรกรวมกับเบี้ยประกันชีวิตรับจ่ายครั้งเดียว มีทั้งสิ้น 11,472.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 13.36
บริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่สูงสุด หรือมีการขยายงานสูงสุด 5 อันดับแรก คือ อันดับที่ 1 บจ.เอ.ไอ.เอ. จำนวน 2,045.81 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 17.83 อันดับที่ 2 บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต จำนวน 1,798.67 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 15.68 อันดับที่ 3 บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต จำนวน 1,680.80 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 14.65 อันดับที่ 4 บมจ.ไทยประกันชีวิต จำนวน 1,211.23 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 10.56 อันดับที่ 5 บมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำนวน 1,044.00 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 9.10
ผู้อำนวยการสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า เบี้ยประกันชีวิตรับปีต่อไปจำนวน 26,486.56 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.97 โดยมีอัตราความคงอยู่ร้อยละ 89 ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี แสดงให้เห็นถึงผู้เอาประกันชีวิตเห็นความสำคัญของการประกันชีวิตมากขึ้นเป็นลำดับ
อีกทั้งบริษัทประกันชีวิตแต่ละบริษัทได้มีการพัฒนาแบบของผลิตภัณฑ์ออกมาแข่งขันกันอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด ส่งผลให้ธุรกิจมีการเติบโตอย่างมั่นคง สมาคมจึงขอให้ผู้เอาประกันชีวิตที่ถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตอยู่แล้ว ไม่หยุดการชำระเบี้ยประกันชีวิตก่อนครบกำหนดสัญญาเพื่อประโยชน์ของผู้เอาประกันภัยเป็นสำคัญ