ทางด้านภาพรวมเศรษฐกิจนับตั้งแต่ประชุม กนง.เมื่อ 22 ม.ค.57 รายงานตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดบ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัวของอุปสงค์ในประเทศทั้งด้านการบริโภคและการลงทุน ซึ่งต้องยอมรับว่าบางส่วนเป็นผลจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองที่กระทบต่อความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอย
อย่างไรก็ดี หากวิเคราะห์ลงไปในรายละเอียด ดัชนีการบริโภคภาคเอกชนและดัชนีการลงทุนภาคเอกชนที่หดตัวในช่วงผ่านมา ส่วนหนึ่งถูกกระทบมาจากยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถยนต์นั่งเชิงพาณิชย์ที่ลดลงมาก หลังจากได้มีการเร่งซื้อไปก่อนหน้าที่นโยบายรถคันแรกสิ้นสุดลง อาจบิดเบือนภาพของการชะลอตัวของการใช้จ่ายภาคเอกชน ขณะที่องค์ประกอบอื่นด้านเครื่องชี้การบริโภคและการลงทุนไม่ได้ส่งสัญญาณการชะลอตัวลงทั้งหมด
นอกจากนี้ แม้ความไม่สงบทางการเมืองอาจทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าอาจกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณอย่างมากนับตั้งแต่เริ่มมีการชุมนุม แต่จากตัวเลขของภาคการคลังระบุว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2557 การเบิกจ่ายยังคงขยายตัวได้ถึงร้อยละ 7.5 ซึ่งในส่วนการเบิกจ่ายงบลงทุนนั้นเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน ทำให้เม็ดเงินจากภาครัฐนั้นไม่ได้สูญหายไปจากระบบทั้งหมดอย่างที่หลายฝ่ายกังวล
ส่วนความหวังหัวจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปีนี้จากการส่งออก แม้ตัวเลขม.ค.57 หดตัวร้อยละ 2.0 ทำให้มีข้อกังขาว่าการส่งออกจะช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยในปีนี้เหมือนจะเลือนลาง อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิเคราะห์ฯ มองว่าการหดตัวลงเป็นผลมาจากราคาสินค้าเกษตรที่ลดลง และการส่งออกหมวดยานยนต์ที่หดตัวถึงร้อยละ 22.0 จากการที่ผู้ผลิตรถยนต์ได้เปลี่ยนโมเดลใหม่ในผลิตภัณฑ์หลายตัว ทำให้เกิดรอยต่อของการส่งออก ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบเพียงชั่วคราวเท่านั้น ในขณะที่การส่งออกอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้ากลับมาขยายตัวได้ดีขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งในด้านตลาดส่งออก การส่งออกไปยังคู่ค้าหลักอย่างสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่นล้วนมีการขยายตัวช่วยผลักดันการส่งออกของไทยในระยะต่อไป
อีกปัจจัยหนึ่งที่น่ากังวลคือเงินเฟ้อ แม้ว่าในปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำ แต่ก็พลิกกลับมาอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างชัดเจน โดยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งเป็นเป้าหมายเงินเฟ้อของแบงก์ชาติ เร่งตัวขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ โดยในเดือนก.พ.เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.22 ต่อปี ขยายตัวเกินกว่าเท่าตัวจากร้อยละ 0.61 ในเดือนก.ย.ปีก่อน ซึ่งนับว่าเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ กนง.ต้องให้น้ำหนักมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อเสถียรภาพด้านราคาในระยะถัดไปได้
ทั้งนี้ ศูนย์วิเคราะห์ฯ มองว่าการชะลอตัวเพิ่มเติมของเศรษฐกิจในช่วงต้นปี เป็นผลมาจาการขาดความเชื่อมั่นของภาคครัวเรือนและธุรกิจ ซึ่งการลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงเวลานี้ อาจทำให้กลไกการส่งผ่านของอัตราดอกเบี้ยในการกระตุ้นเศรษฐกิจไร้ประสิทธิผล อีกทั้งความตึงเครียดของสถานการณ์การเมืองที่คลายตัวลงบ้างในปัจจุบัน หลังทั้งสองฟากของความขัดแย้งเริ่มหันหน้ามาเจรจากัน นับว่าเป็นสัญญาณบวกที่อาจชี้ถึงพัฒนาการของสถานการณ์ไปในทางที่ดีขึ้นได้ หากความวุ่นวายจบลงโดยเร็ว ความเชื่อมั่นของภาคเอกชนก็จะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ในช่วงเวลาอันสั้น
"ปัจจัยที่เสริมให้มีการคงดอกเบี้ย น่าจะยังมีน้ำหนักมากกว่าปัจจัยทางด้านที่หนุนให้มีการลดดอกเบี้ย จึงอาจเร็วเกินไปที่ กนง.จะตัดสินใจลดดอกเบี้ยในครั้งนี้" เอกสารฯ ระบุ