นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนี้ยังเป็นความตั้งใจระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศที่ได้ร่วมกันผลักดันให้ประเทศญี่ปุ่นกลับมานำเข้าไก่สดแช่แข็งของไทยในทุกๆ ครั้งที่ได้มีการพบปะพูดคุยกัน ทั้งในระหว่างที่เดินทางไปเยือนญี่ปุ่น และการมาเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น จนในที่สุดทางประเทศญี่ปุ่นได้ส่งหนังสือยืนยันให้ไทยสามารถส่งออกเนื้อไก่สดไปญี่ปุ่นได้ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา และได้รับการรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่าทางบริษัทเอกชนไทยได้เริ่มทยอยส่งออกเนื้อไก่สดแช่แข็งไปแล้วและมีเป้าส่งออกประมาณ 5,000 ตันภายในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยมีแนวโน้มที่จะสามารถส่งออกได้สูงถึง 80,000-100,000 ตันภายในสิ้นปีนี้
สาเหตุสำคัญที่คนญี่ปุ่นยังคงนิยมบริโภคไก่สดของไทยมาจากคุณภาพของไก่สด โดยเฉพาะฝีมือการตัดแต่งชิ้นส่วนของไก่ ที่ตรงตามความต้องการของผู้นำเข้าญี่ปุ่น และไทยยังมีความได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ที่ไม่ไกลจากญี่ปุ่น ทำให้คนญี่ปุ่นมีความเชื่อมั่นในคุณภาพของไก่สดไทย ซึ่งเห็นได้จากในอดีตญี่ปุ่นเป็นตลาดส่งออกไก่สดอันดับ 1 ของไทยก่อนที่จะเกิดโรคระบาดไข้หวัดนก เชื่อว่าจากความสำเร็จในการส่งออกไก่สดแช่แข็งไทยไปญี่ปุ่นในครั้งนี้จะ นำไปสู่การเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดไก่สดไทยในญี่ปุ่นให้อยู่ในระดับแถวหน้าอีกครั้ง โดยในอีก 2-3 ปีข้างหน้าประเทศไทยน่าจะสามารถส่งออกไก่สดแช่แข็งได้ ประมาณ 200,000 ตัน ซึ่งเป็นปริมาณ เท่ากับช่วงก่อนการระบาทของไข้หวัดนก นอกจากนี้ยังจะเป็นการช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในตลาดอื่นๆ ที่จะทำให้ไทยสามารถก้าวเข้าไปเปิดตลาดไก่สดได้ในอนาคต เช่น สาธารณรัฐเกาหลี อีกด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อุตสาหกรรมไก่สดของไทยจะสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับโลกได้อย่างยั่งยืน และได้รับการยอมรับในเรื่องคุณภาพอย่างต่อเนื่องหากภาครัฐและ ภาคเอกชนยังคงช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อรักษาระดับคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าสร้างมูลค่าเพิ่มและเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้นในอนาคต ซึ่งจะนำไปสู่ความเติบโตของอุตสาหกรรมส่งออกไก่สดไทยและการส่งออกโดยรวมต่อไป