อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาการยื่นขอรับส่งเสริมรายอุตสาหกรรม จะพบว่ามีหลายกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังมีการขยายการลงทุนในระดับหมื่นล้านบาท อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี กระดาษและพลาสติก มีมูลค่าเงินลงทุนของโครงการทั้งหมดที่ยื่นขอรับส่งเสริม 22,500 ล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และเครื่องจักร มีมูลค่าเงินลงทุน 17,400 ล้านบาท และกลุ่มอุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค มีมูลค่าเงินลงทุน 13,500 ล้านบาท
"นักลงทุนส่วนหนึ่งอาจยังรอดูสถานการณ์ภายในประเทศของไทยก่อน จึงทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้ชะลอแผนการยื่นขอรับส่งเสริมออกไปก่อน แต่ก็ยังมีนักลงทุนอีกหลายกลุ่ม รวมทั้งโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ได้ยื่นขอรับส่งเสริมเข้ามาในช่วงนี้ด้วยเช่นกัน สะท้อนให้เห็นว่ายังมีกลุ่มนักลงทุนที่เดินหน้าขยายการลงทุนในประเทศไทยอยู่ ขณะเดียวกันก็ยังไม่พบสัญญาณใดๆ ที่นักลงทุนจะถอนการลงทุนหรือย้ายฐานการผลิตไปจากประเทศไทย" เลขาธิการบีโอไอกล่าว
นายอุดม กล่าวด้วยว่า ในปีนี้บีโอไอยังมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนอื่นๆ ที่จะช่วยดึงดูดการลงทุน อาทิ โครงการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานหรือ อีโคคาร์ ระยะ 2 ซึ่งขณะนี้มีการยื่นขอรับส่งเสริมเข้ามาแล้ว และจะเปิดให้ค่ายรถยนต์ยื่นคำขอการลงทุนได้จนถึงสิ้นเดือนมีนาคมนี้ รวมทั้งมาตรการส่งเสริมการลงทุนแก่กิจการเอสเอ็มอี ซึ่งจะสิ้นสุดการให้ส่งเสริมในสิ้นปีนี้
นายอุดม ยังกล่าวถึงการยื่นขอรับส่งเสริมของโครงการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ ในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.57 ว่า แม้ในภาพรวมของการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศจะลดลง แต่ก็มีโครงการลงทุนจากหลายประเทศที่มีมูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้น โดยในส่วนของภาพรวมพบว่า โครงการลงทุนจากต่างประเทศยื่นขอรับส่งเสริมจำนวน 121 โครงการ ลดลงร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับจำนวนโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนมูลค่าเงินลงทุนในปีนี้ มีมูลค่า 47,296 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 43 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
นักลงทุนต่างชาติกลุ่มหลักยังคงเป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น ยื่นขอรับส่งเสริมจำนวน 61 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 17,379 ล้านบาท โดยจำนวนโครงการลดลงร้อยละ 42 ส่วนมูลค่าเงินลงทุนลดลงร้อยละ 63
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการลงทุนจากญี่ปุ่นและอีกหลายชาติจะลดลง แต่ก็มีการลงทุนจากอีกหลายชาติที่เพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อาทิ สหรัฐอเมริกา มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 9,761 ล้านบาท, สิงคโปร์ มีมูลค่าเงินลงทุน 2,195 ล้านบาท, ฮ่องกง มีมูลค่าเงินลงทุน 2,128 ล้านบาท, เนเธอร์แลนด์ มีมูลค่าเงินลงทุน 1,998 ล้านบาท และการลงทุนจากจีน มีมูลค่าเงินลงทุน 1,461 ล้านบาท