ทั้งนี้ SCB EIC ยังคงมุมมองว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะลดลงไปอยู่ที่ 1.75% ภายในครึ่งปีแรก แม้การส่งออกจะเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรป แต่การขาดแรงขับเคลื่อนจากเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งจากการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน รวมถึงการใช้จ่ายภาครัฐยังคงเป็นความเสี่ยงที่สำคัญกว่าความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและเงินทุนเคลื่อนย้ายในระยะนี้
ดังนั้น กนง.มีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม โดยอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำไม่เพียงจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของการบริโภคและการลงทุนในระยะข้างหน้าเท่านั้น แต่ยังช่วยลดภาระทางการเงินของครัวเรือนและธุรกิจได้บางส่วนด้วย
"การใช้จ่ายในประเทศจะยังคงอ่อนแอต่อเนื่องไปในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยคาดว่ารัฐบาลชุดใหม่จะยังไม่สามารถจัดตั้งและบริหารงานได้อย่างเต็มที่ จนกระทั่งไตรมาส 3 ดังนั้น ในช่วงเวลาครึ่งปีแรกความไม่แน่นอนทางการเมืองจะยังส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน และการลงทุนภาคเอกชน รวมไปถึงการท่องเที่ยว นอกจากนี้การจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้ายังจะส่งผลกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนของภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในภาวะที่โครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจะไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผนเดิม โดยรวมแล้วเศรษฐกิจไทยจะยังคงอ่อนแอต่อไปจนถึงไตรมาสที่ 2 ก่อนที่จะเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 57" เอกสาร ระบุ