สำหรับผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นต้นทางของการเสนอร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีจนมีความต่อเนื่องไปสู่การพิจารณาเห็นชอบของฝ่ายนิติบัญญัติ ขอยืนยันว่ากระบวนการการทำงานทุกประการมีความรอบคอบเป็นอย่างยิ่ง ทั้งด้านการกลั่นกรองโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ทั้งทางราง ทางถนน ทางน้ำ และด่านที่เป็นจุดเชื่อมต่อไปยังต่างประเทศให้เหลือแต่เพียงโครงการที่มีศักยภาพสูง และแนวทางในการระดมทุนที่รอบคอบทั้งด้านวินัยการคลังและ วิธีอนุมัติโครงการที่จะมีการกลั่นกรองซ้ำโดยส่วนราชการที่สำคัญ เพื่อให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนควบคู่ไปกับการพิจารณา ความคุ้มค่าของทุกๆ โครงการอีกครั้ง ก่อนที่คณะรัฐมนตรีในอนาคตจะอนุมัติเป็นรายๆ โครงการอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับการระดมเงินด้วยการเสนอเป็นพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน ก็เป็นการดำเนินการในลักษณะเดียวกับการดำเนินการในอดีตมาตั้งแต่ปี 2492 ที่มีการออกพระราชบัญญัติมาแล้วเกือบ 10 ฉบับ
"ผมรู้สึกเสียดายแทนประเทศและประชาชนคนไทยที่ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ต้องตกไป และขณะเดียวกันก็รู้สึกอีกสองประการ ประการแรกโล่งใจ เพราะหากร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ผ่าน ผมก็ต้องเป็นคนหนึ่งพร้อมๆ กับผู้คนอีกหลายๆ คน เช่น ท่านชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และอีกหลายๆ ท่านที่ต้องเอาใจใส่(ถ้าได้ทำงานต่อ) หรือเอาใจช่วย(ถ้าไม่ต้องทำงานต่อ) ให้โครงการต่างๆ เป็นไปอย่างที่ควรปราศจากความผิดพลาด อีกประการที่รู้สึก คือ รู้สึกมั่นใจว่าโครงการส่วนใหญ่ในร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้จะถูกดำเนินการจนสำเร็จเสร็จสิ้นในอนาคต โดยรัฐบาลประชาธิปไตยของประเทศไทยที่ต้องตอบคำถามประชาชนว่าจะสร้างศักยภาพทางคมนาคมขนส่งของประเทศให้แข่งขันได้ในทางเศรษฐกิจ และสร้างคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนเมื่อไร" นายกิตริรัตน์ ระบุ