"หากใช้งบประมาณแผ่นดินมาดำเนินโครงการ หรือกู้เงินด้วยวิธีเดิมค่อนข้างยากที่จะสำเร็จ เพราะกรอบวงเงินงบประมาณแต่ละปีมีจำกัด ส่วน พ.ร.บ.หนี้สาธารณะมีเพดานอาจจำเป็นต้องหาแหล่งเงินด้วยวิธีอื่น ซึ่งหลักการของพ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาทมีที่ดีมาก ถ้าไม่ถูกบิดเบือนไปเป็นเรื่องอื่น และยังถูกครหาเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นอีก ซึ่งถ้ากลัวแล้วไม่ทำอะไรเลยจะยิ่งทำให้เสียโอกาสมากขึ้น ตอนนี้ผมเชื่อว่าเรายังไม่เสียโอกาส แต่เราแค่เสียเวลา เพราะหากรัฐบาลชุดใหม่มาแล้วยังเห็นความสำคัญ โครงการเหล่านี้ก็มีโอกาสเดินต่อ แต่จะเสียโอกาสหากไม่เห็นความสำคัญ เพราะจะยิ่งกระทบความเชื่อมั่น เช่น จีนมีแผนจะเชื่อมระบบรางผ่านลาว-ไทย-มาเลเซีย-สิงค์โปร์ ถ้าไทยไม่ทำรถไฟจีนก็อาจเปลี่ยนไปใช้ทางเรือ ลงทุนกองเรือ แล้วถ้าต่อไปไทยจะกลับมาทำรถไฟอีก จีนก็คงไม่กลับมาผ่านไทยแล้ว"นายประภัสร์ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง นายประภัสร์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม จากนั้นจะเสนอกระทรวงการคลังเพื่อดำเนินการเรื่องเงินกู้ให้ และต้องขออนุมัติจาก ครม. แต่เชื่อว่าหากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อนุมัติ จะสามารถเดินหน้าเรื่องการกู้เงินได้ เพราะโครงการนี้ได้รับความเห็นชอบจาก ครม.มาก่อนแล้ว และถ้าพร้อมจะเปิดประมูลพร้อมกันทั้ง 5 เส้นทาง
ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ทั้ง 5 เส้นทาง ประกอบด้วย 1.รถไฟทางคู่ สายชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 187 กิโลเมตร ใช้เงินจาก พ.ร.บ.เงินกู้ 29,221.28 ล้านบาท และใช้เงินจากงบประมาณ 120 ล้านบาท 2. สายมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร ใช้เงินจาก พ.ร.บ. เงินกู้ 21,196.07 ล้านบาท ใช้เงินจากงบประมาณ 113.55 ล้านบาท 3. สายลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กิโลเมตร ใช้เงินจาก พ.ร.บ.เงินกู้ 16,215.10 ล้านบาทใช้เงินจากงบประมาณ 76.30 ล้านบาท 4.สายนครปฐม-หนองปลาดุก-หัวหิน ระยะทาง 165 กิโลเมตร ใช้เงินจาก พ.ร.บ.เงินกู้ 20,833.43 ล้านบาท ใช้เงินงบประมาณ 107.17 ล้านบาท 5. สายประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร ใช้เงินจาก พ.ร.บ. เงินกู้ 17,683.82 ล้านบาท ใช้เงินจากงบประมาณ 120 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ร.ฟ.ท.จะเร่งเดินหน้าจัดหาหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้าขนาดน้ำหนักกดเพลา 20 ตันต่อเพลา จำนวน 20 คันพร้อมอะไหล่ วงเงิน 2,022 ล้านบาท ซึ่งบริษัท ป่าไม้สันติ จำกัด จะเริ่มทยอยส่งมอบ 2 คันในเดือนมิถุนายนนี้ และจะรับมอบได้ครบภายในสิ้นปี 2557 ส่วนการจัดซื้อหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้าพร้อมอะไหล่ทดแทน GE จำนวน 50 คัน วงเงิน 6,562 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดขายเอกสารประกวดราคาได้ปลายเดือนมี.ค.นี้
ส่วนการปรับปรุงหัวรถจักร 56 คันวงเงินกว่า 3,300 ล้านบาทนั้นกำลังประเมินความคุ้มค่ากับแนวทางการซื้อใหม่ นอกจากนี้จะใช้วิธีการเช่าหัวรถจักรจำนวน 20 คัน เพิ่มเติมด้วย โดยอยู่ระหว่างการประเมินข้อมูลก่อนสรุป ซึ่งการมีหัวรถจักรใหม่จะเพิ่มศักยภาพในการเดินรถระดับหนึ่งแต่ยังไม่เต็มที่เพราะยังขาดรถไฟทางคู่และระบบอาณัติสัญญาณอัตโนมัติ ซึ่งเป็นโครงการในพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท