(3) การเบิกจ่ายเงินกู้ต่อให้แก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จำนวน 841.46 ล้านบาท และการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อจัดทำโครงการรถไฟสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) จำนวน 103.60 ล้านบาท และโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทางจำนวน 129.40 ล้านบาท และ (4) การเบิกจ่ายเงินกู้ 120 ล้านบาท จากสัญญาเงินกู้วงเงิน 3,000 ล้านบาท ที่ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2557 ซึ่งเป็นการกู้เงินบาททดแทนเงินกู้จากธนาคารโลก เพื่อใช้ในโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL)
ส่วนการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลในเดือนก.พ.57 ไม่มีการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ ทั้งนี้ การรายงานการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลจะไม่รวมการ Roll over ตั๋วเงินคลัง เนื่องจากการกู้เงินโดยการออกตั๋วเงินคลังเป็นการกู้ในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่งจะไม่เกินวงเงินที่กำหนด โดย ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ – เงินสดจ่ายของรัฐบาล จำนวน 102,135 ล้านบาท และกระทรวงการคลังจะทำการ Roll over ตั๋วเงินคลังที่ครบกำหนดตามอายุของตั๋วเงินคลังในแต่ละรุ่น
ส่วนการกู้เงินล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลในเดือนก.พ.57 มีการกู้เงินล่วงหน้า (Pre-funding) เป็นพันธบัตรรัฐบาล จำนวน 20,000 ล้านบาท และ R-bill จำนวน 9,000 ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาล จำนวน 7 รุ่น ภายใต้ พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะฯ ที่จะครบกำหนดในวันที่ 12 พ.ค.57 วงเงินรวม 121,035 ล้านบาท โดยเงินที่ได้จะนำไปให้กองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศบริหารลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง ให้เกิดผลตอบแทนและลดต้นทุนในการทำ Pre-funding
สำหรับการชำระหนี้ของรัฐบาล ในเดือนก.พ.57 กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้เป็นเงิน จำนวน 4,907.08 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การชำระหนี้ของรัฐบาลจากงบประมาณชำระหนี้ เป็นจำนวน 1,496.32 ล้านบาท ดังนี้ ชำระหนี้ในประเทศ 962.59 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน 83.63 ล้านบาท ดอกเบี้ย 296.90 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม 582.06 ล้านบาท, ชำระหนี้ต่างประเทศ 533.73 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน 374.49 ล้านบาท และดอกเบี้ย 159.24 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีการชำระหนี้ของรัฐบาลจากแหล่งอื่น เป็นจำนวน 3,410.76 ล้านบาท โดยเป็นการชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูระยะที่สองฯ (FIDF 3) แบ่งเป็นการชำระต้นเงินกู้ 482.17 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 1 ที่ได้รับจากการโอนสินทรัพย์คงเหลือในบัญชีผลประโยชน์ และการชำระดอกเบี้ย 2,928.59 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 2
ทั้งนี้ แหล่งเงินที่นำเข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 2 ประกอบด้วย (1) เงินกำไรสุทธิของธนาคารแห่งประเทศไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 (2) เงินที่สถาบันการเงินนำส่งธนาคารแห่งประเทศไทย (3) เงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน และ (4) เงินโอนจากบัญชีกองทุนเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ฯ
อย่างไรก็ดี ในเดือนก.พ.57 รัฐวิสาหกิจไม่มีการกู้เงินในประเทศ ขณะที่การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจในเดือนก.พ.57 รัฐวิสาหกิจได้มีการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศด้วยการ Roll Over เป็นเงิน 1,150 ล้านบาท โดยเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพทั้งจำนวนโดยการออกพันบัตร 1,000 ล้านบาท และการใช้รายได้ของหน่วยงานสำรองจ่าย 150 ล้านบาท