อย่างไรก็ตาม ก่อนจะถึง 45 วัน อาจเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้น เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อาจชี้มูลความผิดนายกรัฐมนตรี ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในโครงการรับจำนำข้าว จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศมหาศาล ซึ่งจะมีผลให้ถอดถอนนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง แม้รัฐบาลเตรียมรองนายกรัฐมนตรีขึ้นปฏิบัติหน้าที่แทน แต่ตามกฎหมาย คงไม่สามารถทำได้ เพราะการแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรี รักษาการแทนต้องดำเนินการเฉพาะรัฐบาลเป็นรัฐบาลตัวจริง ไม่ใช่รัฐบาลรักษาการอย่างในปัจจุบัน ดังนั้น คณะรัฐมนตรี (ครม.) คงต้องไปทั้งหมดเมื่อนายกฯถูกถอดถอน
"คงต้องรอดูว่า จะจัดการเลือกตั้งใหม่ได้หรือไม่ หรือนายกฯจะถูกถอดถอนหรือไม่ แต่ก่อนจะถึง 45 วัน ระหว่างนี้น่าจะรีบคุยกันให้ได้ ...ควรสร้างบรรยากาศการเมืองใหม่ ถึงเวลาก็ต้องยอม ถ้าเหตุการณ์บีบรัดเรื่อยๆ ก็ต้องตัดสินใจ"
นายพรศิลป์ กล่าวว่า หากคู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่ายต่างคนต่างยืนกระต่ายขาเดียว ประเทศชาติคงหาทางออกยาก และกว่าจะได้รัฐบาลใหม่คงอาจจะเลยไปถึงปีหน้า ซึ่งจะยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นของประเทศลดลงเรื่อยๆ การลงทุนใหม่ไม่มี ทำให้ไม่มีเม็ดเงินเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ ธุรกิจภาคเอกชนซบเซา ยอดขายลดลง กำไรลดลง ธุรกิจ SMEs ที่มีเงินทุนไม่มากทยอยปิดกิจการ ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ซึมยาว อาจไม่ขยายตัวจากปีก่อนราว 1% แต่คงไม่ถึงกับติดลบ เพราะการส่งออกน่าจะเข้ามาช่วยพยุงไว้ได้