ทั้งนี้ การส่งออกสินค้ากลุ่มสินแร่ เชื้อเพลิง และทองคำ ยังคงขยายตัวสูง ขณะที่การส่งออกสินค้าหลักในกลุ่มอุตสาหกรรม ขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าส่งออกหลัก เช่น กลุ่มเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวร้อยละ 9.6 กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ขยายตัวร้อยละ 7.2 กลุ่มยานยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 17.2 และกลุ่มเม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก ขยายตัวร้อยละ 2.9 ขณะที่ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง หดตัวร้อยละ 40.6 ทำให้ในภาพรวม สินค้าส่งออกกลุ่มอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8
ในทางตรงกันข้าม สินค้าในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ยังคงลดลงต่อเนื่องจากเดือนที่ผ่านมา ร้อยละ 5.7 โดยยางพารา ลดลงร้อยละ 13.8 อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋อง และแปรรูป ลดลงร้อยละ 9.9 กุ้งแช่แข็งและแปรรูป ลดลงร้อยละ 26.9 ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป ลดลงร้อยละ 3.8 และน้ำตาล ลดลงร้อยละ 43.8
สำหรับตลาดส่งออกที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ ตลาดหลัก ขยายตัวร้อยละ 2.3 โดย EU (15) และญี่ปุ่น ขยายตัวร้อยละ 7.0 และ 2.7 ขณะที่สหรัฐอเมริกา หดตัวร้อยละ 2.3 สำหรับ ตลาดศักยภาพสูง ขยายตัวร้อยละ 0.2 โดยอาเซียน(9) และฮ่องกง ขยายตัวร้อยละ 0.9 และ 8.7 ตามลำดับ ขณะที่จีนและอินเดีย หดตัวร้อยละ 0.8 และ 9.6
นอกจากนี้ ตลาดศักยภาพรองขยายตัว ร้อยละ 1.9 โดยทวีปออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา ลาตินอเมริกา และสหภาพยุโรป (12) ขยายตัวร้อยละ 0.8, 0.4, 3.6, 4.9 และ 1.4 ตามลำดับ รวมทั้งตลาดอื่นๆ ขยายตัวร้อยละ 171.4 โดยเฉพาะประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ขยายตัวร้อยละ 468.5 จากการนำเข้าอัญมณีและเครื่องประดับค่อนข้างมาก
ขณะที่ในด้านการนำเข้านั้น สินค้าในกลุ่มเชื้อเพลิง ขยายตัวร้อยละ 9.0 ได้แก่ น้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป ก๊าซธรรมชาติปิโตรเลียม สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ขยายตัวร้อยละ 0.3 ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าอุปโภค/บริโภค ขยายตัวร้อยละ 5.2 ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ผัก ผลไม้และของปรุงแต่ง
ส่วนสินค้าทุน หดตัวร้อยละ 5.6 ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และยานพาหนะ และอุปกรณ์การขนส่ง หดตัวร้อยละ 6.4 ได้แก่ รถยนต์นั่ง และส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์
ส่วนช่วง 2 เดือนแรก(ม.ค.-ก.พ.)ปี 57 การส่งออกเติบโตราว 0.20% มีมูลค่ารวม 36,271 ล้านดอลล์สหรัฐ ส่วนการนำเข้า ติดลบ 16% มีมูลค่ารวม 37,026 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 754 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ยังคาดการณ์การส่งออกของไทยในปี 57 ว่าจะสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 5 ภายใต้สมมติฐาน 1.อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ขยายตัวร้อยละ 3.7 (ตามการคาดการณ์ของ IMF) 2.ราคาสินค้าวัตถุดิบอุตสาหกรรมโลก สูงขึ้นร้อยละ 1.3 และ 3.อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 31.5 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ (ปัจจุบันอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทไทยเท่ากับ 32.79 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ)
อย่างไรก็ดี ปัจจัยเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อการส่งออกของไทย ได้แก่ ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน จากการทยอยการปรับลดมาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง(QE) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งยังมีผลกดดันตลาดเงิน และปัญหาภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะภาวะภัยแล้งที่จะส่งผลต่อผลผลิตของภาคการเกษตร และขณะเดียวกันอาจจะทำให้ราคาขยับตัวสูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อความสามารถทางการแข่งขันด้านราคา