"ตามที่ ปตท. แจ้งหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติแหล่งบงกชของอ่าวไทยเพื่อซ่อมบำรุงท่อส่งก๊าซประจำปี ในวันที่ 10-27 เมษายน 2557 นี้ ซึ่งจะทำให้มีปริมาณก๊าซฯ หายไปประมาณ 630 ลูกบาศก์ฟุตต่อวัน แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้า เนื่องจากก๊าซธรรมชาติฝั่งอ่าวไทยประกอบด้วยแหล่งก๊าซหลายแหล่ง ดังนั้นการหยุดจ่ายก๊าซของแหล่งก๊าซบงกชจึงไม่ส่งผลกระทบต่อเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าโดยรวม เนื่องจาก ปตท.สามารถจัดหาก๊าซจากแหล่งอื่นมาทดแทนได้" นายชนินทร์ เชาวน์นิรัติศัย ผู้ช่วยผู้ว่าการควบคุมระบบกำลังไฟฟ้า กฟผ.กล่าว
นอกจากนี้ กฟผ.ยังได้เตรียมมาตรการรองรับ โดยสำรองน้ำมันเตาประมาณ 43 ล้านลิตร เพื่อเดินเครื่องที่โรงไฟฟ้าพลังความร้อนบางปะกงและราชบุรีทดแทน ประกอบกับในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งมีวันหยุดต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในช่วงแหล่งบงกชหยุดจ่ายก๊าซอยู่ที่ 26,752 เมกะวัตต์ และมีกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองอยู่ที่ 4,122 เมกะวัตต์ ทำให้การหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติจากแหล่งบงกชในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศ
อย่างไรก็ตาม บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) มีกำหนดหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติอีกครั้งระหว่างวันที่ 13 มิ.ย.-10 ก.ค.นี้ รวม 28 วัน ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย แหล่ง JDA-A18 ซึ่งจะทำให้มีปริมาณก๊าซฯ หายไปประมาณ 400 ลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ส่งผลกระทบต่อโรงไฟฟ้าจะนะ จังหวัดสงขลา ที่มีกำลังผลิต 700 เมกะวัตต์ ต้องหยุดเดินเครื่อง ทำให้พื้นที่ภาคใต้ขาดแคลนกำลังผลิตไฟฟ้าไปบางส่วน ซึ่ง กฟผ. ได้เตรียมมาตรการรองรับทั้งด้านระบบผลิต ระบบส่งและระบบป้องกัน เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าในภาคใต้ในช่วงเวลาดังกล่าว
นายชนินทร์ กล่าวว่า แม้การหยุดซ่อมท่อก๊าซจากแหล่งบงกชครั้งนี้จะไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากสามารถจัดหาเชื้อเพลิงอื่นมาทดแทนได้ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ กำหนดหยุดจ่ายก๊าซจากแหล่งพัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (JDA-A18) ช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำลังผลิตไฟฟ้าของภาคใต้ ซึ่งในส่วนของ กฟผ.ได้เตรียมแผนรองรับไว้แล้ว ทั้งการปรับแผนบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าภาคใต้ไม่ให้มีการหยุดซ่อมในช่วงเวลาดังกล่าว การเตรียมความพร้อมเดินเครื่องโรงไฟฟ้าภาคใต้ทุกเครื่อง การตรวจสอบอุปกรณ์ระบบส่งและระบบป้องกันให้มีความพร้อมใช้งาน รวมทั้งการจัดเตรียมน้ำมันสำรองสำหรับโรงไฟฟ้าในภาคใต้
"ต้องขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยกันประหยัดการใช้ไฟฟ้าร่วมด้วย โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อให้ระบบไฟฟ้าของภาคใต้มีความมั่นคงมากที่สุด" นายชนินทร์ กล่าว