แต่จากข้อมูลล่าสุดเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ยอมรับว่าอุปสงค์ในประเทศชะลอลงชัดเจน แต่เชื่อว่ายังมีปัจจัยบวกจากการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้นตามเศรษฐกิจคู่ค้าที่ฟื้นตัวได้ และการท่องเที่ยวที่น่าจะฟื้นตัวได้เร็ว หลังรัฐบาลยกเลิกประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วเหตุการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดี
ขณะที่ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่แม้จะชะลอลง แต่ยังอยู่ในระดับสูง เนื่องจากมีการเร่งตัวขึ้นสูงกว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงก่อนหน้านั้น ธปท.ยังคงติดตามและเฝ้าระวังความสามารถในการชำระหนี้ของกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย ซึ่งมีความเสี่ยงอาจเกิดปัญหาหนี้เสียอย่างใกล้ชิด
นายประสาร กล่าวว่า ยอมรับมีความเป็นไปได้ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/57 จะถดถอยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจไทยหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 แต่คงต้องติดตามไตรมาส 2/57 ว่าจะติดลบหรือไม่เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/57
"ถ้าไม่ติดลบก็ไม่มีปัญหา แต่ถึงแม้จะติดลบก็ต้องดูรายละเอียดว่ามีการจ้างงานและภาคธุรกิจยังดำเนินกิจการต่อไปได้หรือไม่ เพราะถ้าปัจจัยต่างๆ ยังเดินหน้าต่อไปได้ ก็ไม่มีปัญหาที่ต้องกังวล" นายประสาร กล่าว
นายประสาร กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินนโยบายการเงินนั้น ได้อยู่ในทิศทางที่ผ่อนคลายมาตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 56 จนถึงปัจจุบันที่ดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับ 2% ต่อปีตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และแนวโน้มเศรษฐกิจยังเป็นไปในทิศทางที่ลงมากกว่าขึ้น เพราะในอนาคตยังมีความไม่แน่นอน แต่ทั้งนี้นโยบายการเงินไม่สามารถทดแทนนโยบายการคลังในยามที่มีข้อจำกัดได้ทั้งหมด เนื่องจากสาเหตุของการชะลอทางเศรษฐกิจไม่ได้เกิดจากภาวะการเงินที่เป็นปัญหาแต่อย่างใด
"หากต้องการให้นโยบายการเงินลดดอกเบี้ยลงอีกจากปัจจุบันอยู่ที่ 2% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นอาจใช้ไม่ได้ผลในยามนี้ เพราะการชะลอตัวของเศรษฐกิจไม่ได้เกิดจากปัญหาภาวะการเงิน ดังนั้นหากขืนใช้ไปอาจเสียกระสุนแล้วไม่ได้ผล"นายประสาร กล่าว
นายประสาร ระบุว่า หากการชะลอตัวของเศรษฐกิจมาจากปัญหาการเมือง ฝ่ายการเมืองควรเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกัน เพราะถ้าใช้นโยบายการเงินเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด และ ธปท.ต้องใช้นโยบายการเงินแบบระมัดระวัง เพราะภาวะการเงินโลกกำลังจะเปลี่ยนเข้าสู่ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณจะขึ้นดอกเบี้ย หลังยุติมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (QE) ดังนั้นนโยบายการเงินต้องเตรียมพร้อม เพื่อดูแลภาวะการไหลออกของเงินทุนที่จะกลับไปลงทุนในสหรัฐ