อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ธปท.ยังคงคาดการณ์ GDP ปีนี้ไว้ที่ 2.7% โดยยังคอยติดตามสถานการณ์ทางการเมืองและปัจจัยต่างๆที่เข้ามากระทบอย่างใกล้ชิด
ขณะที่ปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจขณะนี้ คือภาคการส่งออกที่มีสัญญาณที่ดีจากยอดคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อ สอดคล้องกับดัชนีการส่งออกของโลกและสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นซึ่งทำให้เชื่อว่าภาคต่างประเทศที่เข้มแข็งจะช่วยพยุงเศรษฐกิจในประเทศได้บ้าง แต่ไม่เต็มที่ เนื่องจากยังมีปัจจัยการเมืองกดดันอยู่จึงทำให้ GDP มีแนวโน้มที่จะปรับลงอีก
โฆษก ธปท. กล่าวถึงอัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค.ที่ขยับขึ้นมาที่ 2.11% จาก 1.9% ว่า ธปท.ไม่ได้มีความกังวลเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นการปรับขึ้นของราคาก๊าซ LPG ที่ส่งผลให้ราคาอาหารสำเร็จรูปปรับสูงขึ้น แต่เป็นการปรับขึ้นในอัตราที่ชะลอลง เพราะราคาอาหารได้ปรับขึ้นไปตั้งแต่ช่วงก่อนหน้านี้และความต้องการของผู้บริโภคปรับน้อยลง จึงไม่ถือเป็นการกัดกร่อนอำนาจซื้อของผู้บริโภค แต่อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าทั้งปีอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 2.5% และเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 1.5% ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 0.5 - 3%
สำหรับปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นนั้น เป็นไปตามที่ธปท.คาดไว้ เพราะเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวลง รายได้ของประชาชนก็น้อยลง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดการกู้ยืม จึงต้องดูพฤติกรรมของผู้บริโภคประกอบด้วย โดยหากกู้เพื่อลงทุนการค้าและการศึกษาบุตรก็เป็นการกระทำที่ยอมรับได้ นอกจากนี้ยังพบว่าหนี้มีอัตราการเพิ่มน้อยลงจากเนื่องจากรายได้ของประชาชนเพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยกว่า