ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ในระยะเร่งด่วนจะมุ่งส่งเสริมการค้าชายแดน หลังภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลงเนื่องจากปัญหาการเมืองในประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ภาคเอกชนมีความกังวลมาก และส่งผลให้การลงทุนชะลอตัวลง
"ความกังวลมีอยู่ตลอด ต้องยอมรับว่าลำบากถ้าการเมืองไม่นิ่ง ถ้าสองฝ่ายตกลงกันได้ก็จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาเร็ว" นายสุพันธุ์ กล่าว
ส่วนปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองนั้นคงต้องขอเวลาอีก 1-2 สัปดาห์ เพื่อรอดูผลวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อน ซึ่งคิดว่าภาคเอกชนควรที่จะรวมตัวกันเพื่อเสนอแนะทางออกประเทศ
นอกจากนี้ มีแนวคิดที่จะเชิญผู้บริหารบริษัทขนาดใหญ่ เช่น บมจ.ปูนซีเมนต์ไทย (SCC), บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ, เครือเจริญโภคภัณฑ์, บมจ.ปตท. (PTT) ฯลฯ เข้ามาเป็นที่ปรึกษาฯ เพื่อคอยให้คำแนะนำและช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดย่อม(SMEs) ที่มีอยู่ราว 80% ให้มีสถานภาพเข้มแข็ง
นอกจากนี้ ยอมรับว่าปัญหาความขัดแย้งภายในองค์กรที่มีก่อนหน้านี้น่าจะคลี่คลายลงไปได้ในระดับหนึ่ง หลังจากที่มีการปรับโครงสร้างองค์กรเรียบร้อยแล้ว
"ผมเสียดายที่มีการเลือกตั้งแล้วต้องเสียบุคลากรที่มีฝีมือไป เพราะไม่ได้เป็นทีมงานเดียวกัน แต่ถ้าเราหันมาช่วยกันจะทำให้องค์กรเข้มแข็ง...หลังใช้กลไกที่มีอยู่ปรับโครงสร้างองค์กรแล้วน่าจะผ่อนหนักเป็นเบาได้" นายสุพันธุ์ กล่าว