FTA Watch ห่วงคอร์รัปชั่นจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐไทย-อียู เรียกร้องปลัดพาณิย์จัดประชุม 3 ฝ่าย

ข่าวเศรษฐกิจ Friday April 11, 2014 16:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.กรรณิการ์ กิจติเวชกุล ผู้ประสานงานกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาพประชาชน (เอฟทีเอ ว็อทช์) เรียกร้องให้นางศรีรัตน์ รัฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ จัดการประชุมคณะทำงาน 3 ฝ่าย ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ให้เร็วที่สุดหลังจากไทยและสหภาพยุโรปได้เจรจาเอฟทีเอระหว่างรอบ เมื่อวันที่ 8-11 เม.ย.ที่ผ่านมา ณ กรุงบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยี่ยม

เนื่องจากจากการชี้แจงของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ที่เดินทางไปเจรจา ระบุว่า เป็นการเจรจาเชิงเทคนิค ไม่มีการผูกมัดใดๆเพราะเป็นช่วงรัฐบาลรักษาการ และไม่มีการเจรจาในประเด็นอ่อนไหว คือ ที่เกี่ยวกับยา ความหลากหลายทางชีวภาพ สินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น เหล้า บุหรี่ รวมถึงการคุ้มครองการลงทุนที่จะมีผลต่อการทำลายนโยบายสาธารณะคุ้มครองประชาชน แต่ภาคประชาสังคมยังมีข้อห่วงใยเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

“อยากเรียกร้องให้คุณศรีรัตน์ รัฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งไปทำหน้าที่หัวหน้าคณะเจรจารอบนี้ จัดการประชุมคณะทำงาน 3 ฝ่าย ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ให้เร็วที่สุด เพราะตั้งแต่รับหน้าที่ปลัดฯ ยังไม่มีการเรียกประชุมเลย โดยเฉพาะประเด็นการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (Government Procurement) ซึ่งทางสหภาพยุโรปต้องการเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างทุกระดับ โดยอ้างเรื่องความโปร่งใสและขจัดการคอร์รัปชั่น แต่สาระหลักที่อียูต้องการ คือ การเข้าถึงตลาดการจัดซื้อจัดจ้างทุกประเภท ทั้งสินค้าและบริการ ทุกระดับ ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น อ้างเรื่องความโปร่งใส ห้ามเลือกปฏิบัติต่อนักลุงทุนไทย ห้ามอุดหนุน SMEs ห้ามบังคับว่าต้องใช้สินค้าที่ผลิตในไทย มาตรฐานต้องเป็นไปตามสหภาพยุโรปทั้งหมด ห้ามมีข้อยกเว้นแม้กับการจัดซื้อจัดจ้างที่เกี่ยวเนื่องกับสวัสดิการสังคม ขณะที่กฎหมายอียูหลบเลี่ยงการเข้าถึงตลาดของนักธุรกิจไทยด้วย 'การแบ่งซื้อแบ่งจ้าง' ให้ก้อนงบประมาณเล็กลงไม่ต้องเปิดกว้าง ขณะที่กฎหมายไทยไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้งบประมาณแผ่นดินในการดูและประชาชนและสร้างความเข้มแข็งของผู้ประกอบการในประเทศ โดยที่อาจไม่ได้แก้ปัญหาคอรัปชั่นตามอ้างเลย” น.ส.กรรณิการ์ กล่าว

จากรายงานการต่อต้านคอร์รัปชั่นของสหภาพยุโรป (EU Anti-Corruption Report) ที่เพิ่งเผยแพร่ชี้ให้เห็นว่า มาตรฐานแบบสหภาพยุโรปไม่ได้แปลว่า จะสามารถขจัดคอร์รัปชั่นได้ เพราะพบว่า การคอร์รัปชั่นในอียูสร้างความเสียหายถึง 120,000 ล้านยูโร

"ข้อเสนอของรายงานเพื่อการขจัดคอรัปชั่นของสหภาพยุโรปฉบับนี้ ไม่ได้เสนอให้ทำตามที่อียูต้องการใน FTA แต่เสนอให้สร้างการตรวจสอบถ่วงดุล การควบคุมภายในที่เข้มข้น การจัดการกับผลประโยชน์ทับซ้อน นี่จึงเป็นสิ่งที่ควรทำ ไม่ใช่รัฐข้อเรียกร้องด้าน Government Procurement แบบที่อียูต้องการ ดังนั้น การเจรจาจึงควรทำการศึกษาเรื่องนี้อย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้เพลี่ยงพล้ำในการเจรจา"

น.ส.กรรณิการ์ กล่าวอีกว่า ภาคเอกชนไทยไม่ควรกดดันคณะเจรจาว่าต้องเร่งการเจรจาเพื่อให้สามารถต่อสิทธิพิเศษทางการค้า (จีเอสพี) ให้ได้ทันภายในปีนี้ เพราะภาคเอกชนรู้มานานแล้วว่า ไทยพัฒนาเกินกว่าที่จะได้สิทธิพิเศษที่มีให้กับประเทศด้อยพัฒนาเท่านั้นจึงควรปรับตัว แทนที่จะมากดดันและเรียกร้องให้แลกผลประโยชน์สาธารณะกับผลประโยชน์ทางธุรกิจเฉพาะกลุ่ม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ