ขณะที่ปริมาณสต๊อกน้ำมันของสหรัฐฯ ที่จะประกาศออกมาก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะเคลื่อนไหวในกรอบ 100-105 ดอลลาร์/บาร์เรล น้ำมันดิบ Brent จะเคลื่อนไหวในกรอบ 105-110 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบดูไบ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 103-108 ดอลลาร์/บาร์เรล
นายมนูญ กล่าวด้วยว่า ในระยะยาวราคาน้ำมันยังมีโอกาสปรับตัวลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ ขณะที่เศรษฐกิจจีนก็จะขยายตัวได้เพียง 7-7.5% จึงทำให้ความต้องการน้ำมันจะเพิ่มขึ้นไม่มาก ประกอบกับการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ กลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และกลุ่มโอเปกก็ยังคงมีกำลังการผลิตส่วนเกินเหลืออยู่
ส่วนปัจจัยที่จะกระทบต่อราคาน้ำมันให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นก็ยังคงเป็นเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งในตะวันออกกลาง แอฟริกา และความขัดแย้งในยุโรปตะวันออก นอกจากนี้ยังต้องจับตาการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปหากมีการขยายตัวดีเกินกว่าคาดก็จะทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นได้