ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดว่าเศรษฐกิจไตรมาส 1/57 เทียบกับไตรมาส 4/56 อยู่ที่ -1.8% แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 56 จะขยายตัวประมาณ 0.7% ซึ่งการที่เศรษฐกิจหดตัวจากไตรมาสก่อนหน้าสะท้อนถึงความเสี่ยงภาวะถดถอยที่เศรษฐกิจไทยเผชิญ
ขณะที่เศรษฐกิจไตรมาส 2/57 ประเด็นการเมืองจะยังเป็นเรื่องสำคัญ โดยภาวะเศรษฐกิจยังน่าจะฟื้นตัวอย่างยากลำบาก แรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายในประเทศ และการลงทุนโดยรวมยังมีโอกาสหดตัว การส่งออกน่าจะฟื้นตัวดีขึ้นกว่าไตรมาสแรก ซึ่งจะเป็นแรงหนุนอย่างเดียวต่อเศรษฐกิจไทย แต่ยังไม่สามารถชดเชยภาพด้านลบของตัวเลขอื่นได้ทั้งหมด ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจน่าจะอยู่ที่ 0.9% เป็นตัวเลขต่ำเมื่อเทียบกับมาตรฐานของเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้ครึ่งปีแรกเศรษฐกิจไทยจะโตได้เพียง 0.8%
อย่างไรก็ตาม ในครึ่งหลังของปี 57 เศรษฐกิจไทยมีโอกาสปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีหลัง 56 ที่มีฐานที่ต่ำ โดยหากปัญหาการเมืองเริ่มคลี่คลาย การส่งออกฟื้นตัวมากขึ้นจากทิศทางเศรษฐกิจของคู่ค้าสำคัญที่เริ่มดีขึ้น ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันที่สำคัญของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ แต่บรรยายกาศการใช้จ่ายในประเทศยังไม่ฟื้นตัวมากนัก ในขณะที่ต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนอาจจะสูงขึ้น และเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจากการปรับค่าแรง ค่าสาธารณูปโภคในช่วงท้ายปีจะเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินในเรื่องนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย
นายเชาว์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังคาดว่าน่าจะเติบโตได้ที่ 3% และทั้งปีจะโตเฉลี่ยประมาณ 1.8%