ศูนย์วิจัยอสังหาฯ แนะรัฐช่วยคุ้มครองเงินดาวน์ก่อนถูกการเมืองทุบทรุดเหมือนปี 54

ข่าวเศรษฐกิจ Monday April 21, 2014 12:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส(AREA) เปิดเผยว่า
ศูนย์ข้อมูลฯ ขอเสนอให้รัฐบาลคุ้มครองเงินดาวน์ผู้บริโภค ให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีความมั่นคงปลอดภัยแก่ผู้ซื้อและผู้ขาย เนื่องจากขณะนี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบอย่างมากจากสถานการณ์ทางการเมือง แต่อย่าไปลดดอกเบี้ยหรือภาษีและค่าโอน เพราะไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด

หากการเมืองยังยืดเยื้อไม่หยุดหย่อนจะทำให้การเปิดตัวโครงการใหม่ย่ำแย่กว่านี้อีก โดยจะตกอยู่ในสภาพเช่นปี 54 ที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งในปีนั้นมีการเปิดตัวเพียง 85,800 หน่วย รวมมูลค่า 256,042 ล้านบาท ปรากฏการณ์นี้จะเป็นการทรุดตัวอย่างรุนแรงเช่น Hard Landing ทำให้ผู้ประกอบการและผู้ซื้อบ้านจะต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดอย่างหนัก

ทั้งนี้ ภาพรวมใน 3 เดือนแรก 57 (ม.ค.-มี.ค.57) เปรียบเทียบกับ 3 เดือนแรกปี 56 มีจำนวนโครงการที่เปิดใหม่รวม 78 โครงการ (ลดลงประมาณ -28%) มีจำนวนหน่วยขายรวม 20,433 หน่วย (ลดลงประมาณ -42%) มีมูลค่ารวม 56,478 ล้านบาท (ลดลงประมาณ –43%) และมีราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยลดลงจาก 2.830 ล้านบาทเป็น 2.764 ล้านบาท (ลดลงประมาณ -2.4%)

อย่างไรก็ตาม หากประมาณการทั้งปี เชื่อว่าในปี 57 จะมีการเปิดตัวใหม่ทั้งหมด 94,038 หน่วย รวม 259,799 ล้านบาท ซึ่งถือว่าลดลงกว่าปี 56 อย่างชัดเจน โดยในแง่ของจำนวนหน่วยลดลงถึง 29% เพราะในปี 56 เปิดตัว 131,645 หน่วย ส่วนในแง่ของมูลค่า ลดลงถึง 33% คือในปี 56 เปิดตัวใหม่ถึง 385,447 ล้านบาท แต่เดิมในช่วงเดือน ม.ค.57 ศูนย์ข้อมูลฯ คาดว่าจะมีโครงการเปิดใหม่ถึง 103,330 หน่วย ซึ่งลดลงจากปีก่อนเพียง 22% และมีมูลค่ารวมกัน 295,168 ล้านบาท หรือลดมูลค่าเพียง 22%

ปรากฏการณ์สำคัญของความเสื่อมทรุดประการหนึ่งก็คืออัตราการขายได้ จะพบว่าในเดือนแรกของการเปิดขายมีอัตราการขายได้เฉลี่ยที่ 29% ซึ่งจากเดือนที่ผ่านมาที่มีอัตราการขายได้ที่ 8% ต่อเดือน ซึ่งดีขึ้นมากจากเดือนที่ผ่านมา แต่ก็ยังย่ำแย่กว่าแต่ก่อนที่ภายในเดือนแรกจะสามารถขายได้ประมาณหนึ่งในสาม โดยประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีจำนวนหน่วยขายได้มากสุดอันดับ 1 คือ อาคารชุดระดับราคา 1-2 ล้านบาท จำนวน 3,145 หน่วย ขายได้แล้ว 1,218 หน่วย (39%) รองลงคือ อาคารชุดระดับราคา 2-3 ล้านบาท จำนวน 1,475 หน่วย ขายได้แล้ว 612 หน่วย (41%) และอันดับ 3 คืออาคารชุดระดับราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 284 หน่วย ขายได้แล้ว 96 หน่วย (-34%)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ