ขณะเดียวกัน ภาวะเศรษฐกิจไทยได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ประเทศคู่ค้ามีการสั่งสินค้าเพิ่มขึ้น ทำให้การส่งออกของไทยที่มีสัดส่วนต่อ GDP มากถึงร้อยละ 72 และเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดี ประกอบกับอัตราค่าเงินบาทของไทยที่อ่อนค่าลงมาโดยเฉลี่ยมาอยู่ที่ 32.80 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ และค่อนข้างมีเสถียรภาพ จึงเป็นอีกปัจจัยหนุนที่ช่วยสนับสนุนการส่งออกของไทยในปีนี้ให้เติบโตได้ถึง 9%
นอกจากนี้ มองว่า การจัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือ BOI ยังเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยสนับสนุนภาคเอกชนที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนได้ดีขึ้นจึงถือเป็นมุมมองที่ดีต่อภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้
"เราเชื่อว่า แบงก์ชาติจะตัดสินใจในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับร้อยละ 2.0 เนื่องจากเครื่องมือในการดำเนินนโยบายทางการคลังยังมีจำกัดเพราะรัฐบาลปัจจุบันเป็นเพียงรัฐบาลรักษาการ และแบงก์ชาติเองก็ต้องคำนึงถึงความต่างของระดับอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศและภายนอกประเทศที่มีผลต่อการไหลออกของเงินทุน เมื่อปัจจัยข้างต้นมารวมกับข้อมูลด้านตัวเลขการส่งออกที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีในปีนี้นั้น ทำให้แบงก์ชาติจะเลือกคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เพื่อพยุงเศรษฐกิจไทยให้มีเสถียรภาพมากที่สุด" นายมนตรี กล่าว