ก่อนที่จะเกิดสถานการณ์ทางการเมือง ต่างประเทศได้ให้ความสนใจลงทุนในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้จากปริมาณโครงการที่ขอเข้ารับการส่งเสริมการลงทุนที่เพิ่มขึ้น โดยในปัจจุบันมีมากกว่า 400 โครงการและมูลค่ากว่า 6 แสนล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองส่งผลให้การอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนต้องล่าช้าออกไปและทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติปรับตัวลดลง ซึ่งดิฉันและรัฐบาลได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้ดำเนินการจัดให้มีการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบอร์ดบีโอไอครั้งแรก เพื่ออนุมัติบัตรส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชนที่ยังคั้งค้างอยู่ รวมทั้งเป็นการพยุงสถานการณ์การลงทุนของประเทศและความเชื่อมั่นของนักลงทุนไม่ให้ได้รับผลกระทบไปมากกว่านี้
ดิฉันเชื่อว่าการที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนสามารถประชุมพิจารณาอนุมัติโครงการต่าง ๆ ที่มายื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในครั้งนี้ จะเป็นการกระตุ้นการลงทุนและการจ้างงานของภาคเอกชน รวมทั้งทำให้ภาคธุรกิจมีความมั่นใจที่จะเดินหน้าการลงทุนในไทยตามแผนที่วางไว้ ซึ่งจะเป็นแรงสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และนำมาซึ่งความเป็นอยู่ที่ดีและโอกาสในการสร้างงานสำหรับลูกหลานของพวกเรา
ท้ายที่สุดนี้ ดิฉันขอขอบคุณและเป็นกำลังใจให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างมืออาชีพ ภายใต้สถานการณ์ที่มีความขัดแย้งทางความคิด และหวังว่าทุกๆ ท่านจะยังคงยืนหยัดในหลักการและจรรยาบรรณของข้าราชการเพื่อความร่วมมือร่วมใจกัน ประคับประคองสถานการณ์ ดูแลให้บริการประชาชน และขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้าต่อไปค่ะ"