"คงจะมีการปรับประมาณการ ต้องดูตัวเลขเศรษฐกิจจริงของไตรมาส 1/57 ที่จะออกมาในเดือน พ.ค. และในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในเดือน มิ.ย...คงจะขยับลงจากที่เคยคาดการณ์ไว้ แต่ยังไม่ถึงกับติดลบ"ผู้ว่าการ ธปท. กล่าว
อย่างไรก็ตาม พื้นฐานเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ยังแข็งแกร่งพอสมควร หากการเมืองคลี่คลายลงได้เร็วก็เชื่อว่าปีหน้าเศรษฐกิจก็น่าจะเติบโตมากขึ้นกว่าปีนี้ที่มีการเติบโตค่อนข้างต่ำ โดยในระยะสั้นเศรษฐกิจไทยคงยังไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองมากนัก แต่ในระยะกลางอาจได้รับผลกระทบ เพราะไม่มีการลงทุนใหม่ ๆ เกิดขึ้น แม้จะมีคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)ชุดใหม่มาทำหน้าที่อนุมัติส่งเสริมการลงทุนแล้ว แต่ในแง่ปฏิบัติจริงก็ยังต้องใช้เวลา ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศก็ยังชะลอการลงทุน ดังนั้น หากปัญหาการเมืองหมดไปในช่วงกลางปีนี้ได้ก็จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็ว
ส่วนความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท คงต้องดูที่ความสมดุลของทั้งผู้นำเข้าและผู้ส่งออก ซึ่งในช่วงที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยสถานภาพนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีบางส่วนเมื่อวานนี้ ค่าเงินบาทก็ไม่ได้ผันผวนมากนัก เพราะตลาดการเงิยยังเชื่อมั่นเศรษฐกิจมหภาคของไทย
"ในระยะสั้นเศรษฐกิจไทยยังไม่ถึงขั้นวิกฤติแม้เกิดปัญหาบ้าง โดยสถานการณ์ปัจจุบัน กนง.มีนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.00% ขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 2.5% ขณะที่สภาพคล่องในระบบการเงินก็มีอยู่สูง ซึ่งอัตราดอกเบี้ยไม่ได้เป็นปัญหาต่อเอกชน"นายประสาร กล่าว
"จากการประเมินพื้นฐานเศรษฐกิจไปได้ ประคองไปได้ ไม่เกิดวิกฤติ แต่ต้องช่วยกันแก้ไข กรอบเวลาปีนี้อัตราเติบโตคงค่อนข้างต่ำ ไม่เกิดวิกฤติ...แต่อย่าประมาท ถ้าไม่แก้ปัญหา ระยะต่อไปจะค่อยๆ อ่อนแอลง"นายประสาร กล่าว