(เพิ่มเติม) KBANK ลุ้นได้รัฐบาลใหม่ในครึ่งปีหลังประคองจีดีพีปี 57 โตได้ 1.8%

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 19, 2014 16:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า จากที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)หรือ สภาพัฒน์ ประกาศปรับลดจีดีพี ปี 57 เหลือ 1.5-2.5% อยู่ในระดับเดียวกับที่ธนาคารกสิกรไทยได้ประเมินเอาไว้ว่าจะอยู่ในระดับต่ำเช่นกัน คือ ที่ระดับ 1.8% โดยมีสมมติฐานว่าจะมีรัฐบาลในช่วงครึ่งปีหลัง
"ตลาดได้คาดการณ์ไว้ระดับนึงแล้วต่อแนวโน้มอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ว่าจะอยู่ในระดับต่ำ แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ต้องลุ้นตัวแปรทางเศรษฐกิจว่าจะช่วยขับเคลื่อนประเทศต่อไปได้อย่างไร เช่น อุปสงค์ในประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาเกิดความชะงักงันจากปัญหาทางการเมืองและสุญญากาศหลังไม่มีผู้นำรัฐบาล จึงทำให้ภาคธุรกิจเลื่อนการตัดสินใจในการลงทุนออกไป ด้านการส่งออก จะต้องลุ้นไตรมาส 3 และ 4 ว่าการส่งออกจะเร่งตัวขึ้นหรือไม่"นายกอบสิทธิ์ กล่าวในงานสัมมนา"พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส จับทิศค่าเงินและดอกเบี้ยไปกับกสิกรไทย"

ทั้งนี้ กสิกรไทย คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะคงที่ในระดับ 2% ไปจนถึงสิ้นปี เพราะมองว่าอานิสงค์ที่จะได้รับจากการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการลดดอกเบี้ยมีน้อย

"เชื่อว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน(กนง.) น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงสิ้นปีนี้ เพราะมองว่าการปรับลดดอกเบี้ยที่ผ่านมาไม่ได้มีอานิสงค์ในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เท่าที่ควร ขณะที่ปัญหาทางการเมืองยังกดดันความเชื่อมั่น รวมทั้งธนาคารพาณิชย์เองต่างเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้นด้วย ดังนั้นแม้จะมีการลดดอกเบี้ยก็ไมีได้ช่วยให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น" นายกอบสิทธิ์ กล่าว

ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยน ณ ช่วงสิ้นปี 57 คาดว่าจะอยู่ที่ 33-33.50 บาท/ดอลลาร์ สรอ. การส่งออกทั้งปีคาดว่าจะโต 5% ส่วนดัชนีตลาดหุ้นไทยคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1,250-1,350 จุด

แนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนนั้น มองว่าประเด็นทางการเมืองยังเป็นปัจจัยที่ทำให้สินทรัพย์ไทยดูมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ไม่ได้ผลตอบแทนที่สูงนัก รวมทั้งอาจจะได้เห็นความเห็นในเชิงลบของสถาบันจัดอันดับเครดิตออกมาเพิ่มเติม ซึ่งจะยังทำให้เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า

ส่วนปัญหาการเมืองในประเทศขณะนี้หากยังยืดเยื้อต่อไป อาจทำให้สถาบันจัดอันดับเครดิตต่างๆ มีการประเมินความเสี่ยงของประเทศไทยใหม่อีกรอบ

"เชื่อว่าคงไม่ถึงขั้น downgrade อาจจะเพียงแค่เตือนว่าจะปรับระดับ outlook จากมีเสถียรภาพมาเป็นขาลง ซึ่งจุดนี้นักธุรกิจทั้งไทยและต่างประเทศก็รอฟัง เพราะมันจะหมายถึงต้นทุนการกู้เงินจะสูงขึ้น" นายกอบสิทธิ์ กล่าว

ด้านแนวโน้มตลาดหุ้นไทย นายกอบสิทธิ์ มองว่า ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างประเทศค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะจบมาตรการ QE ในราวเดือนต.ค.58 ซึ่งตลาดจะต้องมีการปรับกลยุทธ์กันใหม่ นักลงทุนคงรอดูว่า เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงใด ในขณะที่ต้องติดตามว่าธนาคารกลางยุโรป(ECB) จะมีมาตรการ QE ออกมาหรือไม่ด้วย ซึ่งจะเป็นการอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มสภาพคล่องแก่เศรษฐกิจโลก และทำให้ดัชนีหุ้นไทยจะได้รับอานิสงค์ในส่วนนี้ด้วย

ทั้งนี้ ประเมินว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงสิ้นปีจะอยู่ที่ระดับ 1,250-1,350 จุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ