การใช้สิทธิ GSP สหรัฐฯ ในปี 56 ไทยมีมูลค่าการใช้สิทธิ GSP กว่า 3,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นอันดับสองรองจากอินเดีย ซึ่งมีมูลค่ากว่า 4,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนรัสเซียมีมูลค่าการใช้สิทธิกว่า 460 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณกว่า 13,000 ล้านบาท ดังนั้นจากการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศระงับสิทธิ GSP ของรัสเซีย ถึงแม้ว่าโครงการ GSP จะยังไม่มีการต่ออายุ แต่ก็จะมีผลต่อการสั่งซื้อสินค้าจากรัสเซียในทันที เนื่องจากที่ผ่านมาการต่ออายุโครงการ GSP จะมีผลบังคับย้อนหลัง และผู้นำเข้าสามารถได้รับคืนเงินภาษีศุลกากรซึ่งชำระไประหว่างที่โครงการ GSP หมดอายุ
"ดังนั้นเมื่อผู้นำเข้าสหรัฐฯ ต้องเสียภาษีนำเข้าปกติหากนำเข้าจากรัสเซียส่งผลให้ช่วงนี้จะเป็นโอกาสที่ประเทศต่างๆ ที่ยังคงได้รับสิทธิ GSP รวมทั้งไทยจะสามารถแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดในสหรัฐฯ จากรัสเซียได้" เอกสารเผยแพร่ระบุ
โดยสินค้าไทยที่มีศักยภาพจะมีโอกาสขยายส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ โดยกลุ่มประเภทสินค้าเกษตร จะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าเฉลี่ยร้อยละ 6 สินค้าที่ไทยมีศักยภาพในการแข่งขัน ได้แก่ เครื่องดื่มอื่น ๆ อาหารปรุงแต่ง ขนมทำจากน้ำตาล ซอสปรุงรส น้ำแร่/น้ำอัดลม น้ำผลไม้/ผัก และอาหารปรุงแต่งที่มีโกโก้ เป็นต้น
และกลุ่มประเภทสินค้าอุตสาหกรรมจะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าเฉลี่ยร้อยละ 3 สินค้าที่ไทยมีศักยภาพในการแข่งขัน ได้แก่ กล้องถ่ายภาพดิจิทัล เลนส์กล้องถ่ายภาพ เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์เลเซอร์ เครื่องกรองน้ำมัน ของใช้ในครัวทำจากเหล็กกล้า เครื่องสูบเชื้อเพลิง รถจักรยานยนต์ความจุกระบอบสูบไม่เกิน 800 ลบ.ซม. และของอื่นๆ ทำจากเหล็กกล้า เป็นต้น
กรมการค้าต่างประเทศเห็นว่า น่าจะเป็นโอกาสที่ผู้ส่งออก/ผู้นำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิ GSP ของไทยควรเร่งบุกตลาดสหรัฐฯ อย่างจริงจัง อีกทั้งควรเร่งใช้ประโยชน์จากสิทธิ GSP ในช่วงเวลาที่ไทยยังคงได้รับให้มากที่สุด เพื่อรักษาฐานการส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ ให้มั่นคงและเพิ่มมูลค่าการส่งออกให้มากยิ่งขึ้น